“จตุพร-นิติธร”กังขาบุกหมู่บ้านใหญ่ซอยลาซาลกวาดล้างนอมินีทุนจีนสีเทาตู้ห่าว เชื่อไม่เอาจริง แค่แสดงขู่ ส่งสัญญาณให้หมู่บ้านใหญ่รีบเป็นเมืองขึ้น ส่งมอบหลักฐานให้โดยเร็ว ชี้ผิดปกติจ้องเล่นสกัด ต่อรองกับกลุ่มการเมืองตรงข้าม คาดกลไกแสดงกวาดล้างใหญ่เอื้อการเมือง
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายนิติธร ล้ำเหลือ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “กวาดล้างใหญ่ กำลังเกิดขึ้น” มี กุลธิดา ช้วนกุล ดำเนินรายการ โดยเชื่อว่า ยิ่งใกล้เลือกตั้งการแสดงบทบาทของเจ้าหน้าที่รัฐมาใช้ทางการเมืองเพื่อสกัดและสร้างอำนาจต่อรองจะเกิดถี่ขึ้น
นายนิติธร กล่าวว่า การกวาดล้างในทางการเมืองเพื่อให้ได้เปรียบและได้ครองอำนาจรัฐต่อไป ส่วนการกวาดล้างกลุ่มทุนจีนสีเทาจับผู้ต้องหา 102 คน และอายัคทรัพย์สินแค่ 5 พันล้านบาท ถือว่าทำได้น้อยมาก ดังนั้น มีความสงสัยว่า การกวาดล้างทุนจีนสีเทาครั้งนี้เหมือนเป็นการตัดกำลังทางการเมืองของฝ่ายตรงข้ามที่เชื่อมโยงกันหรือไม่
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือ การเชื่อมโยงขบวนการของตู้ห่าวเติบโตมาจากทัวร์ศูนย์เหรียญของบริษัทโอเอหรือไม่ และการกวาดล้างทัวร์ศูนย์เหรียญครั้งนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็เป็นคนจัดการเช่นกัน
“ถ้าติดตามคดีการจับกุมกลุ่มธุรกิจสีเทาอย่างใกล้ชิดจะเห็นการทำหน้าที่โดยเอากฎหมายไปฟอกเงินสีเทาให้ถูกกฎหมายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้ทั้งหมดผ่านการตรวจสอบทางกฎหมายและก็ถูกกฎหมายซึ่งเป็นเช่นนี้หรือไม่ จากนั้นก็เกิดการต่อรองกัน”
นายนิติธร กล่าวว่า ส่วนการกวาดล้างครั้งใหม่ในมิติประชาชนนั้น เป็นการเริ่มต้นจากต้องการครองผลประโยชน์ ตามประวัติรุกรานและยึดครองพื้นที่ชนเผ่าในอเมริกานั้นมักสะท้อนผ่านรูปแบบการฆ่า และสงครามเพื่อกดให้ประเทศล้าหลังถูกรุกรานทำตามในเรื่องพลังงานและอาหาร
ส่วนกรณีของไทยเคยพลาดอย่างสำคัญกับการกวาดล้างประชาชนครั้งใหญ่ เพราะเชื่อว่า ประชาชนเป็นคอมมิวนิสต์ การปราบปรามกวาดล้างอย่างหนักเกิดในปี 2516-2519 จนต้องใช้นโยบาย 66/23 มาแก้ปัญหาได้ ดังนั้น ถ้าประชาชนไม่ต้องการอยู่แบบถูกกดขี่ ก็ต้องลุกขึ้นกวาดล้างกลุ่มทุนที่เอื้อกับการเมืองเช่นกัน จึงจะสามารถปลดปล่อยพ้นจากอำนาจทุนที่มุ่งให้การเมืองออกนโยบายขายแผ่นดินไทยให้ต่างชาติ โดยอ้างว่า ขายแล้วเอาไปด้วยไม่ได้ ด้วยพฤติกรรมเช่นนี้ ประชาชนจึงต้องรวมพลังกำจัดทุนที่ต้องการยึดครองทรัพย์สินของไทยให้หมดสิ้น
นายจตุพร เชื่อว่า ทั้งนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หรือโจ๊ก รู้เรื่องทุนจีนสีเทาหมดแล้ว ถัากวาดล้างกันจริงหวังว่า ปลายทางการกวาดล้างครั้งนี้คงไม่เป็นแค่การเปลี่ยนหัวจ่ายผลประโยชน์ใหม่ ดังนั้น เรื่องการทุบทุนจีนในหมู่บ้าน บูเลอวาร์ด ซอยลาซาล ที่เป็นธุรกิจอสังหาริมทรีพย์ของผู้นำพรรคเพื่อไทยย่อมชวนให้สงสัยถึงการส่งสัญญาณข่มขู่ทางการเมือง
สิ่งสำคัญ ธุรกิจสีเทากับนักการเมืองเป็นของคู่กัน ดูกรณีการปรับ ครม. ที่กลุ่มปากน้ำเห็นได้ชัดเจนเมื่อย้ายมาอยู่ พปชร.ก็ได้ ส.ส.เกือบยกจังหวัด แล้วมาเจอคดีเงินทอนวัดสร้างเมรุเผาศพที่มีมาก่อนเลือกตั้งปี 2562 จนสามารถล็อกกลุ่มปากน้ำได้อยู่หมัด เมื่อกลุ่มปากน้ำออกอาการไม่พอใจจึงฟื้นคดีกลับมาอีก แล้วปราบพยศได้ทันที
“การปรามนักการเมืองจึงต้องใช้กลไก ปปช.จัดการ และเชื่อว่า หลังจากนี้คดีเมรุเผาศพจะเดินอย่างล้าช้า แล้วเงียบหายไป และถ้าอยู่กันอย่างเรียบร้อยก็ไม่มีปัญหาอะไร เช่นเดียวกับธุรกิจสังหาริมทรัพย์กับกลุ่มทุนจีนกวาดซื้อด้วยนอมินีมีกันแทบทุกหมู่บ้านใหญ่ ไม่ใช่มีแค่หมู่บ้านใหญ่ในซอยลาซาลเท่านั้น แต่สามารถข่มขู่ต่อรองทางการเมืองได้เช่นกัน เมื่อกลุ่มอำนาจบุกวาดที่ซอยลาซาลแล้ว หมู่บ้านใหญ่ที่อื่นย่อมนั่งไม่ติดที่ แล้วการจ่ายเงินปิดปากเกิดขึ้นเพื่อยุติเจ้าหน้าที่รัฐไปตรวจสอบ”
สำหรับบ่อนการพนันออนไลน์กับพวกที่ได้ประโยชน์ในไทย นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งสงสัยคือ ทำไมจึงปิดสัญญาณสื่อสารไม่ได้ แม้แต่บอลโลกยังปิดได้ จึงแสดงถึงผลประโยช์อย่างมาก จากนั้นหวยก็จะถูกจัดการ แต่การกวาดล้างไม่ได้เอาจริง เจ้าหน้าที่รัฐมักจะแสดงเหมือนเอาจริง และคนไทยก็ชอบใจที่เห็นดรามาเจ้าหน้าที่รัฐกวาดล้าง จึงถูกต้มอย่างง่ายดายมาตลอดที่มีการแสดงหลอกๆใฟ้ดูเอากันจริงๆ
ไม่เพียงเท่านั้น ในงบประมาณรัฐไม่แตกต่างกัน ถ้าใช้กลไกรัฐตรวจสอบกันจริงจัง จะพบการหากินจากงบประมาณกันกลาดเกลื่อนไปหมด ดังนั้น สิ่งเหล่านี้ ถ้าประชาชนไม่ลุกขึ้นมากวาดล้างเอง การกวาดล้างจริงก็ไม่บังเกิดขึ้น ที่ทำกันอยู่เป็นแค่การกวาดล้างทางการเมือง เพื่อได้ประโยชน์กันเท่านั้น เช่น ร้านอาหารถ้าเปิดกันอย่างถูกต้องไม่สามารถประกอบกิจการได้ จะถูกเจ้าหน้าที่รัฐบุกตรวจทุกวัน
“ดังนั้น กลไกรัฐจึงเป็นเครื่องมือทางอำนาจเพื่อกวาดล้างผลประโยชน์ กรณี ปปช.ทอดเวลาแถลงข่าวทุจริตของนักการเมืองไปเป็นวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ คงไม่แตกต่างจากการส่งสัญญาณกวาดล้างหมู่บ้านใหญ่ที่เหลือ ให้นำของกลางมามอบให้เจ้าหน้าที่รัฐเพื่อแสดงความเป็นเมืองขึ้นกัน”
นายจตุพร กล่าวว่า คณะ 3 ป. เมื่อกลับมาใช้กติกาเลือกตั้ง 400 เขต และใช้ระบบ 100 หารบัญชีรายชื่อแล้ว ย่อมเป็นการผิดสังเกต พรรคเพื่อไทยจึงต้องคิดให้หนักและไม่สบายตัวทางการเมืองอย่างแน่นอน อีกอย่างกลไกเจ้าหน้าที่รัฐระดับเขี้ยวคอยสกัดเลือกตั้งมีพร้อมและแนบเนียนกว่าเดิม พร้อมทั้งสามารถควักบัตรเหลือง แดง และเทา มาจัดการไม่ให้ได้เสียงที่มากเกินการขวางเข้าสู่อำนาจก็ได้