วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS“ชูวิทย์”แฉอดีตผู้การตม.เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กโจ๊ก”เอี่ยวแปลงวีซ่าให้ทุนจีนสีเทา
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ชูวิทย์”แฉอดีตผู้การตม.เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กโจ๊ก”เอี่ยวแปลงวีซ่าให้ทุนจีนสีเทา

 “ชูวิทย์” แฉยับอดีตผู้การ สตม. นรต.47 เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กโจ๊ก” เอี่ยวแปลงวีซ่าให้ทุนจีนสีเทา  เข้ามาทำธุรกิจในไทย รับทรัพย์รวยเละเรียก 1-3 แสนบาทต่อหัว อัด “สันธนะ” ไม่ได้เป็นสรรพากร แค่ตำรวจที่ถูกไล่ออก เพราะประพฤติชั่วร้ายแรง

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ที่โรงแรมเดวิส คอนเนอร์วิง สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง แถลงปฏิบัติการทลายภูเขาน้ำแข็งใต้น้ำ กรณีมีตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) คอยอำนวยความสะดวกให้กลุ่มทุนจีนสีเทา พร้อมเปิดหลักฐานการจัดตั้งมูลนิธิรับจดทะเบียนให้คนจีนพักอาศัยในไทยโดยผิดกฎหมาย

นายชูวิทย์ กล่าวว่า สิ่งที่จะพูดไม่ได้เป็นประเด็นการเมือง แต่เป็นการตั้งคำถามไปยังผู้มีอำนาจที่อยู่ในรัฐสภาและทำเนียบรัฐบาล เพราะเรื่องที่เปิดเผยเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น โดยวันนี้จะเน้นไปที่ สตม. ซึ่งเป็นด่านแรก และมีผู้เกี่ยวข้องบางคนส่งเสริมให้ทุนจีนสีเทาเข้าสู่ประเทศ ในรูปแบบขบวนการแปลงวีซ่า ซึ่งชาวจีนที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย เมื่อเข้ามาในไทยจะได้วีซ่านักท่องเที่ยว สามารถอยู่ในประเทศได้ 30 วัน ดังนั้นเพื่อเปลี่ยนประเภทวีซ่าเป็นวีซ่าสำหรับประกอบธุรกิจ (non b visa) หรืออาสาสมัครมูลนิธิ (non o visa) จึงติดต่อผ่านคนกลาง ที่มีทั้งรูปแบบสำนักงานกฎหมายชาวจีนที่ว่าจ้างคนไทยและรูปแบบบุคคล เพื่อไปสมัครเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครของมูลนิธิปรานต์ ฮั่นอวี่ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการศึกษาภาษาจีนของเด็กและเยาวชน ซึ่งการเปลี่ยนวีซ่าดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายกับ ตม. รายละ 100,000-300,000 บาท

สำหรับ มูลนิธิดังกล่าว เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2561 มีที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านพิมานชื่น จ.ขอนแก่น โดยในปี 2563 มูลนิธิดังกล่าว มีสมาชิก 2,747 ราย ใน จ.ขอนแก่น และใน จ.กาฬสินธุ์ อีก 907 ราย ซึ่งผู้ที่อำนาจในการขออนุมัติเปลี่ยนวีซ่านั้น ต้องเป็นระดับผู้บังคับการขึ้นไปของ สตม. โดยระหว่างปี 2563-2564 มีการอนุมัติให้ผู้เปลี่ยนประเภทวีซ่าแล้วกว่า 3,325 ราย ซึ่งนายตำรวจดังกล่าวมียศ พล.ต.ต. ถึง 3 นาย เป็น อดีต ผบก.ตม.4 และ ตม.5 โดยในนี้มี 2 นาย เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.47) เพื่อนร่วมรุ่นกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่งนอกจากมูลนิธินี้และมูลนิธิอื่น รวม 6 แห่ง และมีสมาคมเถื่อนและการอุ้มท้องซื้อพ่อ ฉะนั้น ผบ.ตร. จะต้องจัดการ ไม่เช่นนั้นเมื่อเรื่องเงียบก็จะกลับเข้ามา

ส่วนกรณี นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล กล่าวหาว่า ตนตกแต่งบัญชีเพื่อเลี่ยงภาษีนั้น ยกตัวอย่างว่าตนเป็นเป็นพ่อค้า เมื่อคิดจะลงทุนก่อสร้างโรงแรมแต่เงินไม่พอ ก็ต้องติดต่อผ่านธนาคาร หากไม่อนุมัติให้กู้ ต้องพูดคุยกับกรรมการเพื่อให้ร่วมลงทุนเพิ่มเติม ถือเป็นเรื่องปกติทางการค้า ทั้งนี้ ในเมื่อมีผู้คิดทำลายตน ต้องถามกลับว่า เจ้าตัวเป็นสรรพากรหรือไม่ หากแต่เป็นตำรวจที่ถูกไล่ออกจากราชการเพราะประพฤติชั่วร้ายแรง ดังนั้นสิ่งที่ต้องมีคือเครดิตหรือความน่าเชื่อถือ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img