“กฤษฏา” นัดถกประชุมเคาะแก้สัญญารถไฟ 3 สนามบิน 22 ธ.ค.นี้ก่อนเสนอบอร์ด กบอ.-กพอ. คาดออกหนังสือให้เอกชนเริ่มงานได้ในต้นปีหน้า
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. วงเงิน 224,544 ล้านบาท ว่า ในวันที่ 22 ธ.ค. คณะทำงาน ซึ่งมีนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน จะมีการประชุมเพื่อ ตรวจสอบและพิจารณาความเหมาะสมของแนวทางแก้ปัญหา
หลังจากนั้นจะสรุปรายละเอียดทั้งหมด นำเสนอคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) ในต้นเดือนม.ค. 66 หากได้ข้อสรุปแล้วจะเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานต่อไป
สำหรับการแก้ปัญหาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินที่ได้ข้อยุติมี 4 ประเด็นคือ การทับซ้อนงานโยธาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน กับโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน) สัญญา 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง
การชำระเงินค่าสิทธิเอกชนร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ช่วงพญาไท-สนามบินสุวรรณภูมิ และกรณีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสถานะทางการเงินของโครงการ การส่งมอบพื้นที่ ปัญหาลำรางสาธารณะ
โดยกรรมการ 3 ฝ่าย กำหนด แก้สัญญาร่วมลงทุนฯ และคาดการออกหนังสือให้เอกชนเริ่มงาน (NTP : Notice to Proceed) อาจจะล่าช้ากว่ากำหนดประมาณ 1 เดือน ซึ่งเมื่อกบอ.เห็นชอบการแก้ไขสัญญาแล้ว หลังจากนั้นทางรฟท. และเอกชน จะประชุมเพื่อขยายกำหนดNTP ออกไปได้
โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน มีความเกี่ยวเนื่องกับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ที่มีบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่นจำกัด หรือ UTA เป็นเอกชนคู่สัญญาซึ่งได้เจรจาขอแก้ไขสัญญา เช่นกัน
“สาเหตุที่ล่าช้าเนื่องจากโครงการสนามบินอู่ตะเภา ของบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่นจำกัด หรือ UTA ก็มีการเจรจาแก้ไขสัญญาเหมือนกัน ดังนั้นก็ต้องมาดูว่าจะก่อสร้างอย่างไร มีการย้ายตำแหน่งอาคารผู้โดยสารไปตรงจุดไหน ระหว่างสถานีรถไฟความเร็วสูง เชื่อมกับอาคารผู้โดยสารอู่ตะเภาจึงต้องใช้เวลา และให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีความเข้าใจที่ตรงกันไม่ต้องมาโทษกันภายหลัง”แหล่งข่าวระบุ
