“ซีอีโอ ปตท.” ชี้ทิศทางราคาน้ำมันปีหน้าประเมิน 85-95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เหตุปัจจัยเศรษฐกิจโลกถอดถอย ปัจจัยด้านสงครามลดลง ยันไม่ลงทุนในเมียมานานแล้ว ส่วนงบลงทุน 2 แสนล้านเน้นลงทุนต้นน้ำถึงปลาน้ำ
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผย ว่า ทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในปี 2566 ว่า ปี 2565 ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยที่ระดับ 96 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนในปี 2566 ปตท.มองแนวโน้มลดต่ำกว่าปีนี้ ประเมินเฉลี่ยในระดับ 85 – 95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ไม่ได้เติบโตมาก ภาวะสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนก็อาจจะไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกอะไรมากเหมือนกับปีนี้
สำหรับแผนลงทุนของกลุ่ม ปตท. ปี 2566 รวมจำนวน 2 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP จะเน้นการผลิตก๊าซฯในอ่าวไท่ยตามแผน โดยเฉพาะแปลง G1/61 (เอราวัณ) เพื่อให้เป็นไปตามเป้าที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันภายในเดือน เม.ย.2567 จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
ขณะที่บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เน้นเรื่องการปรับปรุงและขยายสถานีบริการน้ำมัน ส่วนกลุ่มโรงกลั่น ทั้งบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC จะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ขณะที่บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC จะเน้นการลงทุนในธุรกิจHigh Value Business (HVB) มากขึ้น และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC จะเน้นการลงทุนพลังงานทดแทนมากขึ้น
นายอรรถพล ยังกล่าวถึงการลงทุนในเมียมาว่า การลงทุนในประเทศเมียมานั้น ปตท.ไม่ได้ลงทุนเพิ่มอยู่แล้ว พอเกิดปัญหารัฐประหารในเมียมาก็ไม่ลงทุนเพิ่ม ส่วนกรณีการลงทุนของ ปตท.สผ. ในแหล่งก๊าซธรรมชาติในเมียมาอย่างแหล่งยาดานาเป็นการลงทุนในสัญญาระยะยาว ซึ่งเป็นการการดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนชาวเมียมา เพราะว่าก๊าซจากแหล่งยาดานาปั่นไฟฟ้าให้ประชาชนเมียมากว่า 50%