“สุทิน” ยอมรับฉายาสภา “3วันหนี 4 วันล่ม” พร้อมขอความเป็นธรรมให้ประธานชวน ไม่ถึงซวนเซ แค่บารมีไม่เต็มร้อย ติง ฉายาพรเพชร เบาไป เห็นด้วยวาทะเด็ด เป็นการยอมรับทำรัฐประหารกลางสภา เหมือนโจรสารภาพหน้าศาล
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ที่รัฐสภา .นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีผู้สื่อข่าวตั้งฉายาสภาผู้แทนราษฎร “3 วันหนี 4 วันล่ม” ว่า ก็ต้องยอมรับว่าภาพมันออกมาอย่างนั้น ความรู้สึกของสังคมก็อาจจะสอดคล้องอยู่ จึงเข้าใจได้ว่าทำไมสื่อถึงตั้งแบบนั้น แต่ก็เสียดายว่าทำให้ภาพพจน์ของสภาไม่ดี แล้วถามว่าโทษใคร ถามว่าฝ่ายค้านโยนความผิดให้รัฐบาลหรือไม่ ก็ไม่ใช่ เพราะการนับองค์ประชุมมีทุกยุค แต่รัฐบาลก่อนๆ เขาไม่ให้เกิดเรื่องนับองค์ประชุม เมื่อไม่เกิดเรื่องสภาล่มก็ไม่เป็นข่าว แต่ครั้งนี้นับองค์ประชุมแล้วก็ล่มแล้วล่มอีก ดังนั้นไม่ได้โทษรัฐบาล แต่เสียดายรัฐบาลไม่น่าปล่อยให้เรื่องนี้เกิด
นายสุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนฉายาของผู้นำฝ่ายค้าน หมอ (ง) ชลน่าน นั้น ก็ธรรมดาเพราะเขามีงานเยอะขึ้น ไปเป็นผู้นำฝ่ายค้าน เป็นหัวหน้าพรรค ทำให้ไม่มีเวลาที่จะทำงานสภามากนัก อาจจะจืดไปหน่อย ก็อยากให้เข้าใจ แต่ฉายาที่ตั้งก็มีเหตุผล ส่วนฉายาประธานสภา “ชวน ซวนเซ” ตนคงไม่เห็นด้วย เพราะต้องยอมรับว่านายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ได้ดี ด้วยความมีบารมี และมีหลักอยู่ แต่จะทำเสร็จเรียบร้อย 100% คงไม่ใช่ แต่ตนคิดว่าถ้าเป็นประธานคนอื่นอาจจะไม่ใช่อย่างนี้ ดังนั้นต้องขอความเป็นธรรมให้ท่านด้วย ไม่ถึงกับซวนเซ แต่บารมีไม่ถึงร้อย เพราะท่านก็เป็นประธานสภาฯ ที่ทำหน้าที่ได้ดี ส่วนฉายาประธานวุฒิสภา “พรเพชร พักก่อน” ตนคิดว่าเหมาะสม แต่เบาไป ความจริงน่าจะหนักกว่านั้น เพราะนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา อาจจะทำได้ดีในระดับ ส.ว. แต่ทำได้ไม่ดีในระดับสภาฯ ตนเห็นใจอยู่ ส่วนฉายาวุฒิสภา “ตรา ป.” ตนคิดว่าถูกที่สุดยอด เพราะที่ผ่านมา ส.ว.ทำงานภายใต้ธงของรัฐบาล ยังไม่เห็นอะไรที่แตกแถว หรือยืนอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล
นายสุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนที่สื่อไม่มีฉายา “คนดี ศรีสภา” นั้นคิดว่าสื่ออาจจะระมัดระวังในการให้มากเกินไป เพราะให้แล้วเป็นคุณ เป็นโทษ ได้เสียทางการเมือง สื่อเลยขี้เหนียว แต่กรณี “ดาวเด่น” นั้นคิดว่า นั้น ตนมองว่าเรื่องดาวเด่นเขาอาจจะมีปัญหา จริงหลายคนมีสำนึกดี และขยันทำงาน แต่ทักษะการนำเสนออาจจะทำให้เขาไม่เด่น ถ้าไม่ติดใจว่ามีคนเก่าแล้วได้อีกก็อาจจะมีอยู่ คนทำงานในสภาเยอะ ส่วนตัวให้คะแนน และมีคนอยู่ในใจเช่นกัน หากเติมความโดดเด่นในการนำเสนอ ก็น่าจะได้ดาวเด่น เช่น นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล น.ส.จิราภรณ์ สินธุไพร ส.ส. ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย และอีกหลายคน เพราะขยันหากสื่อมวลชนติดกรอบเดิม ยึดวาทะกรรมก็อาจจะยาก ดังนั้นอยากให้มองที่การทำงาน ส่วนฉายา “ดาวดับ” ที่ให้นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศิวิไลย์ นั้น ความจริงก็เป็นสไตล์ของเขาในการทำเสนอ แต่ตนคิดว่าอาจจะแรงไป ความจริงดาวดับคือทำอะไรแล้วสังคมประณาม ทำอะไรแล้วเรตติ้งตก แต่นายมงคลกิตติ์อาจจะมีทั้งดีทั้งเด่น
“สำหรับวาทะแห่งปี “เรื่องปฏิวัติผมไม่ได้เกี่ยวข้อง นี่ครับคนปฏิวัติ..ท่านนายกฯ คนเดียว” ความจริงวาทะนี้ไม่น่าเกิดในสภาฯ ไม่น่ายอมรับสารภาพ ไม่คิดว่าจะจำนนต่อสภาฯ ของประเทศ ดังนั้นพอหลุดมาก็จำนนต่อทั้งประเทศ ถือว่าเด่นจริงๆ พูดง่ายๆ ว่าเป็นการจับคนปฏิวัติ จับโจรสารภาพต่อหน้าศาล” นายสุทิน กล่าว