“ปาด” กันเห็นๆ สำหรับ “ดีลบิ๊กป้อม-พลังประชารัฐ” ที่ข่าวว่า ปิดดีลเรียบร้อยแล้วกับ “กลุ่มสมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ในการดึง “สร้างอนาคตไทย” ให้ย้ายเข้ามา “พลังประชารัฐ” เพื่อเสริมทัพในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น
งานนี้ “เจ๊หน่อย-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” และคนใน “ไทยสร้างไทย” ที่ไปคุยเรื่องการรวมพรรคกับตัวแทน “สร้างอนาคตไทย” หลายรอบ คงไม่พอใจ “บิ๊กป้อม-พลังประชารัฐ” อย่างมาก ที่มาปาดหน้ากันแบบนี้!
ทั้งที่การเจรจาพูดคุยรวมพรรคระหว่าง “สร้างอนาคตไทยกับไทยสร้างไทย” กำลังใกล้ปิดดีลแล้ว แม้จะติดขัดหลายเรื่อง แต่ที่ผ่านมาก็ถือว่า…คุยกันตลอด แต่แล้วก็มาโดน “ลุงป้อม” โชว์เก๋า ตัดหน้าไปก่อน ด้วยเงื่อนไขที่หยิบยื่นให้ “กลุ่มดร.สมคิด” แบบดีกว่าไปรวมกับไทยสร้างไทยหลายเท่า
อีกทั้งข่าวว่า มีการการันตีไว้ว่า หากกลุ่มดร.สมคิดกลับมาพลังประชารัฐ จะไม่มีปัญหากับกลุ่มการเมืองต่างๆ ในพลังประชารัฐ โดยเฉพาะ ทีมเศรษฐกิจ-นโยบายพรรคพลังประชารัฐ ตอนนี้ที่นำทีมโดย “อาจารย์แหม่ม-ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ที่รู้กันดีว่า กลุ่มสมคิดไม่ชอบอาจารย์แหม่มอย่างมาก แต่เรื่องนี้ ทางบิ๊กป้อมได้ให้คำยืนยันว่า เคลียร์ได้ จะให้กลุ่มสมคิดและทีมงานสายดร.นฤมล มีบทบาทในพรรคและในทีมเศรษฐกิจและทีมยุทธศาสตร์พลังประชารัฐ แบบไม่มีใครแย่งซีนใคร ทุกอย่างก็เลยลงเอยด้วยดี
มันเลยทำให้ หากสุดท้าย ดีลระหว่างบิ๊กป้อม-พลังประชารัฐกับกลุ่มสมคิด “ไม่ล่ม” อีก และมีการเปิดแถลงข่าว อย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้านี้ ถ้าออกมาแบบนี้ “กลุ่มเจ๊หน่อย-สุดารัตน์” ที่คาดหวังกับการรวมพรรคกับ “สมคิด” ไว้ค่อนข้างมาก คงต้องเจองานหนักในการแบก “ไทยสร้างไทย” ลงทำศึกเลือกตั้ง เพราะจะไม่มีตัวช่วยในการหาเสียง-ตัวหารค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง
เรียกได้ว่า “พรรคเจ๊หน่อย” มีโอกาสบักโกรกทางการเมืองแน่นอน ถ้าสุดท้าย…หาพันธมิตรการเมืองมาร่วมแจมไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นแบบนี้ “สุดารัตน์-ไทยสร้างไทย” ก็ทำอะไรไม่ได้ ก็คงต้องกัดฟันลุย สู้กันสักตั้ง
สำหรับ ดีล “บิ๊กป้อม-กลุ่มสมคิด” ที่มีการหารือกันรอบสุดท้าย และมีการแจกภาพการนัดพบปะกันให้สื่อมวลชน เพื่อยืนยันการเจรจาพูดคุย พบว่า เป็นการหารือกัน 4 คน ที่โรงแรมพูลแมนฯ เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ระหว่าง “ฝ่ายพลังประชารัฐ” คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ-พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่ตอนนี้ออกจากหัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน กลับมาอยู่ที่พลังประชารัฐแล้ว และ “ฝ่ายสร้างอนาคตไทย” คือ อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ เลขาธิการพรรค
การพูดคุยดังกล่าว แม้ “สมคิด”จะไม่ไปร่วมหารือด้วย แต่ข่าวว่า “บิ๊กป้อม” คุยกับ “สมคิด” ที่ป่ารอยต่อฯ เรียบร้อยแล้ว และ “สมคิด” เอาด้วยกับการกลับ “พลังประชารัฐ” เพราะไม่อย่างนั้น คงไม่ให้ “อุตตม-สนธิรัตน์” ไปคุย เพื่อให้เกิดข่าว เกิดภาพการพูดคุยกันดังกล่าว
เรียกได้ว่า แม้ “อุตตม-สนธิรัตน์” จะบอกว่า ขอนำข้อหารือที่คุยกับ “พล.อ.ประวิตร” ไปคุยกับ “สมคิด” อีกครั้ง แต่ดูทรงแล้ว น่าจะ “เรียบร้อยลุงป้อม” ที่ได้กลุ่มสมคิดเข้าพลังประชารัฐ เพราะ “สมคิด” ผู้นำพรรคตัวจริงของสร้างอนาคตไทย รับรู้การพูดคุยทั้งหมด และมอบอำนาจการตัดสินใจให้ “อุตตม-สนธิรัตน์” หมดแล้ว
ประเด็นที่น่าจับตาต่อก็คือ สุดท้าย ถ้าดีลนี้ไม่มีพลิกกันอีก ก็ไม่แน่ ที่ “สมคิด” อาจไม่ไปอยู่ที่พลังประชารัฐด้วย โดยอาจ “ขอเว้นวรรค-พักผ่อน-วางมือการเมืองชั่วคราว”
ในช่วงการเลือกตั้ง ปล่อยให้ “อุตตม-สนธิรัตน์” พาคนในไทยสร้างไทย เข้าพลังประชารัฐไปให้หมด ยกเว้นบางคนที่อาจไม่ขอไปต่อ ก็อาจแยกวงออกไปอยู่พรรคอื่น ส่วนผู้สมัครส.ส.เขต คนไหนที่สร้างอนาคตไทยเคยเปิดตัวไว้ แล้วชื่อไปทับซ้อนเขตกับผู้สมัครของพลังประชารัฐ ก็คงต้องทำใจ เพราะยังไง “บิ๊กป้อม” และแกนนำพลังประชารัฐ ก็ต้องยึดคนของพลังประชารัฐเป็นหลักอยู่แล้ว คนที่ทับซ้อนของสร้างอนาคตไทย หากยังต้องการเล่นการเมืองต่อ ก็คงต้องไปหาพรรคอื่นลงแทน
ส่วนเรื่องที่ว่า “สมคิด” จะเข้าไปมีตำแหน่งอะไรในพลังประชารัฐหรือไม่ เชื่อว่า ก็คงไม่มี เพราะที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ จน “สมคิด” ออกมาจากคณะรัฐมนตรี “ประยุทธ์ 1” พร้อมกับกลุ่มสี่กุมาร ข่าวว่า จริง ๆแล้ว “สมคิด” ก็ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแต่อย่างใด
ดังนั้น มีการคาดหมายกันว่า แม้กลุ่มสร้างอนาคตไทยกลับเข้าพลังประชารัฐ แต่ตัวดร.สมคิดคงไม่เข้าไปทำอะไรในพลังประชารัฐ แต่สำหรับตำแหน่งทางการเมือง หลังการเลือกตั้ง ก็ต้องดูหน้างานอีกที
แต่หากเป็นกรณี “พลังประชารัฐ” ไปจับมือกับ “เพื่อไทย” ตั้งรัฐบาลร่วมกัน เชื่อได้ว่า จะไม่มีชื่อของ “สมคิด” อยู่ในครม.แน่นอน เพราะ “ทักษิณ ชินวัตร” มีแค้นการเมืองกับ “สมคิด” อยู่หลายดอก คงไม่ยอมให้มาร่วมเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลเพื่อไทยด้วยแน่นอน
เว้นเสียแต่ พล.อ.ประวิตรจะเป็นนายกฯหลังเลือกตั้ง ถ้าแบบนี้ “บิ๊กป้อม” ก็อาจดึง “สมคิด” กลับมาเป็นรองนายกฯอีกรอบก็ได้ แต่ดูแล้วมีโอกาสสูงที่ “สมคิด” คงขอวางมือหรือขอทำงานอยู่เบื้องหลัง เช่นเป็นที่ปรึกษา แบบนี้อาจถนัดมากกว่า
การที่ “บิ๊กป้อม” ไปดึง กลุ่มสมคิด กลับรังเดิม “พลังประชารัฐ” หลังก่อนหน้านี้ ก็ได้ทั้ง กลุ่มธรรมนัส พรหมเผ่า กลับเข้าพลังประชารัฐ และไปดึงนักการเมืองอีกหลายคนมาเสริมทัพพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็นอาทิ เช่น พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา-มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์-นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ที่มาดูแลพื้นที่เลือกตั้งจังหวัดพัทลุง ซึ่งเลือกตั้งรอบที่แล้ว พลังประชารัฐเจาะไม่เข้าสักคน-อันวาร์ สาและ ที่จะมาเป็นหนึ่งในตัวหลักให้พลังประชารัฐ ในการดูแลพื้นที่เลือกตั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้-กลุ่มอดีตส.ส.กทม.จากพรรคต่างๆ ที่เข้าพลังประชารัฐ ขณะเดียวกันก็สามารถรั้ง “กลุ่มสามมิตร” ของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน-สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ไว้อยู่กับพลังประชารัฐต่อไปได้ เป็นต้น
ผสมกับการที่ “บิ๊กป้อม” ในช่วงแปดปีกว่าที่ผ่านมา นับแต่รัฐบาลคสช.จนถึงปัจจุบัน ตัว “บิ๊กป้อม” ได้สร้างคอนเน็กชั่นกับฝ่ายต่างๆ ไว้มากมาย อีกทั้งยังมีสมาชิกวุฒิสภาในคอนโทรลไม่ต่ำกว่า 70-80 คน ที่พร้อมรับคำสั่งบิ๊กป้อมในการโหวตเลือกนายกฯ ตามที่พล.อ.ประวิตรต้องการ
รวมถึงที่ผ่านมา มีข่าวว่า “บิ๊กป้อม” ได้เตรียมพร้อมมานานแล้วในการทำให้ “พลังประชารัฐ” เป็นพรรคที่มีกระสุนดินดำ เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งระดับหนึ่ง ไม่แพ้ “ภูมิใจไทย” เผลอๆ บางเขตบางจังหวัด อาจให้มากกว่า “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ด้วยซ้ำ หากตัวผู้สมัครส.ส.เขต คนไหนดูแล้ว มีโอกาสชนะ พรรคก็พร้อมทุ่ม
ผนวกกับ “บิ๊กป้อม” มาถึงบั้นปลายของชีวิตแล้ว อาจต้องการขึ้นเป็นนายกฯ ตามเสียงเชียร์ของคนในพลังประชารัฐ
ทำให้เลือกตั้งรอบนี้ พร้อมทุ่มหนัก เพื่อทำให้พลังประชารัฐได้ส.ส.มากที่สุด เพื่อคุมอำนาจการต่อรองในการตั้งรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นในขั้วพรรครัฐบาลปัจจุบัน หรือจะไปจับมือกับเพื่อไทย
กรณี ดีลดึงกลุ่มสมคิด กลับเข้าพลังประชารัฐ จึงเป็นอีกหนึ่งการเดินเกมการเมือง ที่แสดงให้เห็นแล้วว่า…
“ลุงป้อม” ไม่ได้มาเล่นๆ แต่ เอาแน่-เอาจริง กับการท้าชิง “เก้าอี้นายกฯ”
………………………………………
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย “พระจันทร์เสี้ยว”