นายกฯ สั่งคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังแจงปชช. มาตรการภาครัฐ หลังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มอบพาณิชย์ดูต้นทุนการเพาะปลูกสินค้าทางการเกษตร
เมื่อวันที่ 31 ม.ค.66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีข้อสั่งการเกี่ยวกับกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังมีมติเป็นเอกฉันท์ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 1.25 ต่อปี เป็นร้อยละ 1.5 ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคของภาคเอกชน ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่มีนักท่องเที่ยวจีนเริ่มเข้ามาในประเทศไทยแล้วรวมไปถึงอัตราเงินเฟ้อโดยนายกรัฐมนตรีอยากให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจได้ช่วยกันทำการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานด้านเศรษฐกิจ ทั้งอัตราเงินเฟ้ออัตราดอกเบี้ย และค่าเงินบาท ที่อาจมีการแข็งค่าขึ้นในปัจจุบัน
นายอนุชา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ได้มีการเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ อย่างกลุ่มประเทศบิ๊กโฟร์ หรือประเทศอาเซียน 5 จะทำให้เห็นว่าประเทศไทย มีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ เอื้อต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ โดยต้นปี พ.ศ. 2564 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 0.50 และปลายปี พ.ศ.2565 อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 1.25 ขณะที่ในปีนี้ ขึ้นอีกร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 1.5 ซึ่งตรงนี้จะทำให้อัตราเงินเฟ้อสามารถที่จะอยู่ในอัตราที่เป็นไปตาม ด้านฝ่ายนโยบายการเงินการคลังวางแผนไว้ซึ่งก็จะสมดุลกับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ ของประเทศไทยเข้มแข็งและนอกจากนั้นก็เกี่ยวข้องกับตัวชี้วัดอื่นๆ ด้วย
นายอนุชา กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ได้ฝากให้กระทรวงพาณิชย์ ดูต้นทุนด้านการเพาะปลูกสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าว หรือปุ๋ย โดยให้ถามกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมปลูกพืชทดแทน เช่น วนิลา ซึ่งได้มีการลงพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยที่มีความสูงเหนือกว่าระดับน้ำทะเลและมีอากาศหนาว ที่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก พืชการเกษตรอื่นๆที่ไม่ใช่การเกษตรหลักแบบที่เราได้ทำมาในอดีต