“หากพูดถึงทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และความต้องการใช้น้ำมันนั้นเป็นปัจจัยหนึ่งที่บ่งบอกได้ถึงทิศทางของเศรษฐกิจ โดยในปี 2566 คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันจะเติบโตตามเศรษฐกิจราว 4% ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันดิบปีนี้มีทิศทางปรับตัวลดลง แต่ก็ยังเฉลี่ยในระดับสูง โดยผู้ประกอบการกลุ่มค้าปลีกน้ำมันในประเทศไทยมองว่าราคายังมีความผันผวนตามปรับจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งปัจจัยทางการเมืองระดับโลก และปัจจัยอื่นๆ ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งนักวิเคราะห์ราคาน้ำมัน และผู้ประกอบการค้าปลีกน้ำมันส่วนใหญ่ต่างวิเคราะห์ไปในทิศทางเดียวกันว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกคาดว่าจะเฉลี่ยในกรอบ 75-95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล”
“อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระบุว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันในปี 2566 ปตท.มองแนวโน้มลดต่ำกว่าปี 2565 คาดว่าเฉลี่ยในระดับ 85-95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ไม่ได้เติบโตมาก ภาวะสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนก็อาจจะไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกอะไรมากเหมือนกับปีที่ผ่านมาที่มีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน โดยที่สถานการณ์พลังงานของโลกในปีนี้ยังคงอยู่ท่ามกลางความผันผวน จากสภาพเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวหลังโควิด-19 คลี่คลาย ดังนั้นปตท. ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดถึงภาวะความผันผวนของราคาน้ำมัน
ขณะที่ทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน กลุ่ม ปตท. (PRISM Experts) ร่วมกับ กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คาดการณ์ว่า สถานการณ์พลังงานภาพรวมปี 2566 ยังคงเต็มไปด้วยความผันผวน จากความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ และนโยบายทางการเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก
โดยคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 2566 ในกรอบ 85-95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ด้วยเชื่อว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 แต่อุปทานน้ำมันจากรัสเซียอาจจะหายไปจากตลาด หลังยุโรปเริ่มการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันรัสเซียเต็มรูปแบบในปลายปี 2565 รวมทั้งความร่วมมือของ OPEC พลัสในการพยุงราคาน้ำมัน
อย่างไรก็ตามต้องจับตาว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ จะสามารถเพิ่มการผลิต เพื่อชดเชยอุปทานที่ขาดหายไปจากรัสเซียได้หรือไม่ รวมถึงประเด็นการยกเลิกคว่ำบาตรต่ออิหร่าน และเวเนซุเอล่า ที่อาจเป็น Game Changer ในการเพิ่มอุปทานน้ำมันดิบเข้ามาในตลาด
ขณะที่ “สมชัย เตชะวณิช” ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปี 2566 บางจากคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 75-85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ภาพรวมความต้องการใช้น้ำมันในประเทศที่น่าจะเพิ่มขึ้นจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ ประกอบกับจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีน น่าจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้นก็จะส่งผลดีต่อความต้องการใช้น้ำมันภายในประเทศเพิ่มขึ้น
“โควิดคลี่คลายหนุนความต้องการใช้น้ำมันปี 66 โต”
ส่วนความต้องการใช้น้ำมันในปี 2566 “วัฒนพงษ์ คุโรวาท” ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ระบุว่า แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 จากความต้องการ เดินทางที่มีแนวโน้มกลับมาเป็นปกติมากขึ้นทั้งการเดินทางภายในประเทศและการเดินทางระหว่างประเทศ รวมทั้งการขยายตัวของการลงทุนทั้งการลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทย และแนวโน้มความต้องการพลังงานในปี 2566 ยังคงมีปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด อาทิ การชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศหลักที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและภาคการส่งออก สถานการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซียและยูเครน และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด
ในขณะที่ “นันธิกา ทังสุพานิช” อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ก็ได้ประเมินเช่นกันว่า แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันของประเทศในปี 2566 คาดว่า จะเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ตามทิศทางการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ประกอบกับจีนได้มีการสิ้นสุดมาตรการ ZERO COVID-19 ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 ซึ่งเป็นเรื่องดีต่อสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ เนื่องจากไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ชาวจีนสนใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยความเสี่ยงอื่นที่อาจส่งผลกระทบ โดยเฉพาะสถานการณ์สงคราม
……………..
คอลัมน์ : เข็มทิศพลังงาน
โดย…“ไรวินทร์”
สนับสนุนคอลัมน์ โดย : บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)