“อนุทิน” ย้ำโยก “หมอสุภัทร” เป็นเรื่องฝ่ายประจำรมต.ไม่เกี่ยว ชี้เป็นสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ได้ เมิน “ก้าวไกล” จ้องถล่มซักฟอกอภิปรายม.152 สอนต้องแยกงานการเมืองกับ งานบริหารราชการแผ่นดิน
วันที่ 6 ก.พ.2566 เวลา12.20 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีการโยกย้ายนพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลจะนะไปเป็นผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา ท่ีมีผลวันที่ 6 ก.พ.ว่า ถ้าตามเอกสารมีผลวันที่ 6 ก.พ.และเท่าที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขรายงานก็เห็นว่าทุกฝ่ายจะปฏิบัติตามขั้นตอนราชการ ซึ่งตนยังไม่มีเวลาไปติดตาม เพราะว่าไม่ใช่เรื่องของตน เป็นเรื่องของส่วนราชการประจำ
เมื่อถามว่า ได้มีการยื่นคัดค้านมาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าจะมีการยื่นคัดค้านมาก็มีขั้นตอนอยู่แล้ว ต้องยื่นอุทธรณ์ซึ่งเป็นสิทธิข้าราชการ ต้องยื่นอุทธรณ์ขึ้นมาเป็นลำดับชั้น ตนคิดว่าเราต้องดูตามระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าอุทธรณ์ขึ้นมาจะมีระยะเวลากำหนดว่าต้องกี่วัน ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับระดับการเมือง เพราะมาไม่ถึงจริงๆ ขึ้นมาก็ขึ้นไม่ถึง ลงมาก็ลงไม่ถึง เพราะว่าระบบของส่วนราชการอยู่ภายใต้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่ว่าอะไรก็ตามเป็นเรื่องงานบริหารราชการในส่วนข้าราชการประจำ ก็เป็นเรื่องปลัดกระทรวงอยู่แล้ว รัฐมนตรีมอบนโยบายในการทำงานของกระทรวง ไม่ใช่มอบนโยบายในการบริหารบุคคล อันนั้นไม่ใช่หน้าที่รัฐมมนตรี ไม่มีสิทธิมอบด้วย
เมื่อถามว่า แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างกรณีพรรคก้าวไกลมองว่าเป็นเรื่องการเมือง นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้ายิ่งมองเป็นเรื่องการเมือง ยิ่งทำให้ความชอบธรรมไม่เกิด เรื่องนี้เป็นเรื่องของข้าราชการประจำ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขมีวุฒิภาวะ มีดุลพินิจในการบริหารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณรสุขเต็มตัวอยู่แล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องมาปรึกษาใดๆกับฝ่ายการเมือง ตนขอเรียนย้ำอีกครั้งการหารือในเรื่องของการบริหารงานบุคคล ในส่วนที่ปลัดกระทรวงจะหารือกับทางรัฐมนตรีได้ก็คือ เมื่อมีการเสนอข้าราชการระดับ 10 ขึ้นไป ตรงนั้นรัฐมนตรีมีสิทธิหารือปลัดกระทรวงได้ เพราะรัฐมนตรีเป็นคนลงนาม นำเสนอเพื่อรับการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)ตรงนั้นถึงจะมีช่องทางพูดคุยกันได้ ในส่วนของข้าราชการที่ต่ำกว่าระดับซี 10 ลงไป ตรงนี้ปลัดกระทรวงไม่จำเป็นต้องมาหารือใดๆฝ่ายนโยบาย
เมื่อถามว่าจะเป็นประเด็นให้พรรคก้าวไกล นำไปใช้ช่วงอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา152 หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่สามารถห้ามใครพูดอะไรได้ แต่การชี้แจงต้องเป็นไปตามกฎหมาย บางครั้งไม่ชอบใจในบางเรื่องก็บอกว่ารัฐมนตรีก้าวก่าย บางเรื่องรัฐมนตรีไม่เคยยุ่ง ก็บอกทำไมรัฐมนตรีไม่ลงไปล้วงลูก เพราะฉะนั้นการเถียงแบบนี้มันนานาจิตตัง สิ่งที่ดีที่สุดคือต้องยึดตามระเบียบว่าอย่างไรก็ตามนั้น กรณีนี้ในการโยกย้ายผอ.โรงพยาบาล ถือเป็นระดับซี9 ไม่มีส่วนไหนที่รัฐมนตรีจะเข้าไปเกี่ยวข้องได้
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีที่ชมรมแพทย์ชนบท ที่มีนพ.สุภัทร เป็นประธานชมรมฯ ยังโจมตีเรื่องป้ายประชาสัมพันธ์นโยบายดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งมีรูปนายอนุทิน เป็นพรีเซ็นเตอร์ ติดอยู่บริเวณหน้าโรงพยาบาลทั่วประเทศว่า ล่าสุดตนประชุมกับนายกรัฐมนตรี พอถึงส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานของกระทรวงสาธารณสุข ก็มีรูปตนขึ้นมา เพราะตนเป็นผู้รับผิดชอบงานกระทรวงสาธารณสุข ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้มีสั่งการว่าจะมีรูปภาพตนใดๆทั้งสิ้น ไม่มีรูปภาพตนในกระทรวงสาธารณสุข มันก็มีรูปตนในเอกสาร ในโซเชียลมีเดียต่างๆมากมาย ส่วนที่เป็นงานของพรรคการเมือง พรรคภูมิใจไทยก็มีป้ายเต็มถนน มากกว่าป้ายกระทรวงสาธารณสุขด้วยซ้ำ
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนป้ายที่เกี่ยวกับกระทรวงสาธารณสุข จะเน้นเฉพาะเรื่องงาน นโยบายของรัฐมนตรี ไม่มีคำว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่มีคำว่าหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขณะที่ป้ายประชาสัมพันธ์นโยบายดูแลผู้สูงอายุ เป็นเรื่องของการการเชิญชวนผู้สูงอายุ มารับการบริการคัดกรองสุขภาพ ดูแล รักษาด้วยความเอาใจใส่เต็มที่จากคลีนิคผู้สูงอายุ ถือเป็นนโยบายของตนในฐานะรมว.สาธารณสุข เปรียบเสมือนแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่ไม่เสียเงิน ปกติแบรนด์แอมบาสเดอร์ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมาย แต่ตนให้ใช้รูปโดยไม่คิดเงินเลย เป็นการทำประโยชน์ให้ผู้สูงอายุ เป็นการให้เกียรติ ไม่มีนัยยะใดๆทางการเมือง
เมื่อถามว่า ตรวจสอบข้อกฎหมายแล้ว มั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่มีปัญหา นายอนุทิน กล่าวว่า มันไม่เป็นคำสั่ง หรือนโยบายของรัฐมนตรี ทำขึ้นมาตนก็ยังไม่ได้เห็นของจริงด้วยซ้ำ เห็นจากข่าว แต่เป็นเรื่องปกติในการนำเสนอ อย่าไปเสียเวลากับเรื่องที่ไม่มีผลใดๆเลย ไม่มีรูปนี้ก็มีรูปอื่น รูปของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกับผู้สมัครส.ส.ก็เต็มท้องถนน มันอยู่ที่ว่าเราทำตามกฎหมาย เรื่องของพรรคการเมือง ตนก็ใช้ในด้านการเมือง เรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ตนก็ยังเป็นรองนายกฯ และรมว.สาธารณสุขอยู่ ที่มีภารกิจต้องทำในหน้าที่