วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS“บิ๊กป้อม”โชว์เหนือข่ม“บิ๊กตู่” พปชร.จัดทัพพร้อมลุยเลือกตั้ง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“บิ๊กป้อม”โชว์เหนือข่ม“บิ๊กตู่” พปชร.จัดทัพพร้อมลุยเลือกตั้ง

ช่วงแรกของการเปิดตัว พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)  ที่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มาร่วมงานด้วย ดูเหมือนกระแสการตอมรับจะดีกว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คุมหางเสืออยู่

อีกทั้งผลโพลหลายสำนักก็ระบุชัดว่า คะแนนนิยม “บิ๊กตู่” เหนือกว่า หัวหน้าพรรคพปชร.หลายขุม  แต่พอวันเวลาผ่านไป การเลือกตั้งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ การปรับรูปแบบในการสื่อสารของ “บิ๊กป้อม” การเลือกลงเล่นในเกมที่ถนัด  เดินทางไปพบปะกับชาวบ้านรูปแบบง่ายๆ ทั้งไปตลาด อตก. การลงไปพื้นที่เยาวราชในช่วงเทศกาลสำคัญ การไปออกกำลังกายที่สวนลุมพินีในช่วงเช้า

จากรูปแบบและภาพลักษณ์ทำให้หลายคนประทับใจ มองว่าหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นคนเข้าถึงง่ายๆ พร้อมพูดคุยและทักทาย คนที่เข้ามาพูดคุยด้วยด้วยความเป็นกันเอง ทำให้คนยอมรับมากขึ้น     

ขณะที่การลงพื้นที่ไปยังจังหวัดต่างๆของ “พล.อ.ประยุทธ์” หลายครั้งเปรียบเหมือนพญาเหยียบเมือง เนื่องจากมีสถานะเป็นหัวหน้ารัฐบาล รูปแบบการเข้าหา เลยมีพิธีรีตรองมากหน่อย แม้จะพยายามปรับตัวให้เข้าถึงได้ง่าย เลยทำหลายครั้ง ขาดความเป็นกันเอง  รวมทั้งความผูกพันกับพรรคตนสังกัด สถานะของ “บิ๊กป้อม” ก็มีความชัดเจน  ลงไปดูแลความเป็นอยู่ของส.ส. พร้อมรับฟังปัญหาต่างๆ เลยมีความเป็นกันเอง ขณะทีม็อตโต้ประจำตัวที่ขายในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ การก้าวข้ามผ่านความขัดแย้ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ส่วน “พล.อ.ประยุทธ์” ในช่วงแรกมีรายงานข่าวว่า จะลงสมัครส.ส.แบบปาร์ตี้ลิสต์อันดับหนึ่ง แต่ในสุดก็ยังไม่มีความชัดเจน หลังตอบคำถามสื่อว่าในเรื่องนี้ “เดี๋ยวผมตัดสินใจของผมเอง ยังไม่รู้ ขอให้ถึงเวลาก่อน วันนี้ยังไม่มีอะไรทั้งสิ้น ถ้าเป็นเรื่องในใจ ขอให้เป็นเรื่องในใจของผม เป็นเรื่องในใจจะมาพูดนอกใจได้อย่างไรล่ะ ขอยังไม่ตอบ”

อาจเป็นไปว่า หัวหน้ารัฐบาลไม่ชอบสถานภาพส.ส. จะสังเกตว่าในในช่วงดำรงตำแหน่งนายกฯ “พล.อ.ประยุทธ์” มักไม่ยอมไปร่วมประชุมสภาฯ ยกเว้นเวลามีวาระสำคัญคือ แถลงนโยบาย ต้องคำถามในญัตติอภิปรายไม่วางใจ จึงอาจเกิดความลังเลหากต้องเป็นส.ส. ยิ่งถ้าไม่มีโอกาสเป็นนายกฯ บางทีหัวหน้ารัฐบาลอาจต้องการปิดฉากชีวิตทางการเมืองไปเลย แม้ “พล.อ.ประยุทธ์” จะรับตำแหน่ง “ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคพปชร.” ก็ตาม

นอกจากนี้ประเด็นที่หลายคนตั้งคำถามกับพรรคน้องใหม่ คือการประกาศนโยบายและทีมเศรษฐกิจ จะชูใครเป็นจุดขาย เพราะถือว่าเป็นประเด็นสำคัญในการเลือกตั้ง ซึ่งมีบทบาทในการนำพาประเทศให้เดินหน้าไปได้ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์และชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน อย่าลืมยิ่งฝ่ายบริหารผลักดันให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปด้วยดีก็ทำให้รัฐบาลได้เครดิตไปด้วย

ยิ่งไปสแกนรายชื่อ แกนนำพรรครสทช.  ซึ่งประกอบด้วย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคและเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค, ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรค, วิทยา แก้วภราดัย อดีต รมว.สาธารณสุข, สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, ชัชวาลล์ คงอุดม หรือ “ชัช เตาปูน”, เสกสกล อัตถาวงศ์, ธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ, อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ, วิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง  ก็ยังไม่ปรากฎมือที่เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจอย่างแท้จริง    

หรือถ้าจะชู “ไตรรงค์” เป็นจุดขาย ในแง่ความเป็นจริง ก็ต้องถือว่า เป็นนักเศรษฐศาสตร์รุ่นเก่าไปแล้ว ถูกมองว่า แนวคิดต่างๆ อาจจะไม่ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลก ดังนั้นต้องจับตาดูว่า จะมีคนดีเด่นดังที่ประสบความสำเร็จในการบริหารงาน ไม่ว่าจะผ่านภาครัฐและเอกชน หรือนักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ประกาศรวมงานกับพรรครสทช.อีกหรือไม่

ไตรรงค์ สุวรรณคีรี

ส่วนความเคลื่อนไหว “พปชร.” เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเมืองและเศรษฐกิจ ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ที่มี พล.อ.ประวิตร เป็นประธาน โดยมี พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานที่ปรึกษาพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพปชร. นายวิรัช รัตนเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นางนฤมล ภิโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค น.ส.ตรีนุช เทียนทอง ส.ส.เขต 2 จ.สระแก้ว และรมว.ศึกษาธิการ นายอภิชัย เตชะอุบล กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) นายนิโรธ สุนทรเลขา กก.บห. นายสกลธี ภัททิยกุล กก.บห. นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นต้น

โดยที่ประชุมหารือถึงนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่ง “พล.อ.ประวิตร” ต้องการให้ทยอยเปิดทุกสัปดาห์ มอบหมายให้นายอุตตม และ นายวราเทพ”ช ดูนโยบายพรรคและนโยบายเศรษฐกิจในภาพรวม ขณะที่นายมิ่งขวัญจะเข้ามาดูนโยบายเศรษฐกิจในด้านที่ถนัด และมอบหมายให้นายอุตตมดีเบตแทนหัวหน้าพรรคในเวทีเศรษฐกิจ

สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ

ขณะที่ด้านการเลือกตั้ง เบื้องต้นได้มีการแบ่งพื้นที่รับชอบ อาทิ ภาคเหนือตอนบน พล.อ.วิชญ์ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ส่วนภาคเหนือตอนล่าง นายสันติ นายวราเทพ และนายนิโรธ ช่วย สำหรับภาคใต้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรือกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค นายนิพิฏฐ์ และนายอภิชัย

ส่วนนายวิรัชและพล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กก.บห.รับผิดชอบ อีสานใต้ นายชัยวุฒิ และน.ส.ตรีนุช รับผิดชอบภาคกลางและภาคตะวันออกร่วมกัน ส่วนสนามเลือกตั้ง กทม. นางนฤมลและนายสกลธี และภาคตะวันตก เป็นนายสนธิรัตน์ รวมทั้งเข้ามาช่วยดูนโยบายเศรษฐกิจและการเลือกตั้ง

เรียกว่าการเตรียมในการเลือกตั้ง “พปชร.” นำหน้า “รสทช.” ไปหลายขุม ทั้งการจัดวางบุคคลในการรับผิดชอบดูแลด้านต่างๆ แม้กระทั่งการวางคนลงไปดีเบตประเด็นด้านเศรษฐกิจ ส่วนการโชว์นโยบายก่อนหน้านั้น ได้เปิดนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาท และวันที่ 10 ก.พ. “พล.อ.ประวิตร” ได้นำแถลงเกี่ยวกับนโยบายที่ดินทำกินและนโยบายน้ำท่วมน้ำแล้ง ขณะที่เรื่องน้ำท่วม น้ำแล้ง จะชูสโลแกน “มีเราไม่มีแล้ง” สำหรับนโยบายที่ดินจะมีเรื่อง “ที่ดิน ส.ป.ก. 4-01”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ยิ่ง “รสทช.” เดินงานการเมืองช้าไปมากเท่าไหร่ โดยเฉพาะการแถลงนโยบายด้านต่างๆ ยิ่งตกเป็นรอง “พปชร.” แม้ที่ผ่านมา “พล.อ.ประยุทธ์” จะออกมาระบุว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ เป็นผู้มอบหมายให้ “พล.อ.ประวิตร” ไปดูแลในเรื่องนี้ แต่อย่าลืมหัวหน้ารัฐบาลทำงานร่วมกับฝ่ายบริหาร ที่มี “พปชร.” เป็นแกนนำรัฐบาล ดังนั้นแนวทางในการบริหารในช่วงที่ผ่านมา จะบอกว่าผลงานทุกเรื่องเป็นของนายกฯ ก็ดูจะพูดยากซักหน่อย  และอาจถูกแกนนำพรรคพปชร. ท้วงติงเอาก็ได้

ดังนั้นใครที่ปรามาส พรรคแกนรัฐบาลอาจได้ส.ส. เพียงแค่ 30-40 คน อาจจะคิดผิดได้ แม้ว่าจะมีอดีตส.ส.  ทยอยลาออกจากพรรคพปชร. ไปมากกว่าพอสมควร แต่บรรดาแกนนำหลายซุ้ม บ้านใหญ่หลายกลุ่ม ก็ยังร่วมงานกับ “บิ๊กป้อม”

ขณะที่ “ร.อ.ธรรมนัส” ซึ่งก่อนหน้านี้ส่งสัญญาณจะกลับพรรค พปชร. โดยให้ 2 ส.ส.บัญชีรายชื่อคือ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ และพล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ กลับเข้าพรรค พปชร.นั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัสได้นำ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ที่เหลือรวม 12 ราย สมัครกลับเข้าเป็นสมาชิกพรรค พปชร.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จากนี้ไปต้องจับตา พรรคพี่ “พปชร.” และ พรรคน้อง “รสทช.” ใครจะประสบความสำเร็จ ในการคว้าที่นั่งส.ส. ได้มากกว่ากัน ซึ่งถ้าวัดในช่วงนี้ต้องบอกว่า การวางแผนสู้ศึกในการเลือกตั้งของ “บิ๊กป้อม” เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด 

คงต้องรอดู “บิ๊กตู่” จะมีทีเด็ดอะไรที่ซ่อนไว้ แล้วยังไม่ได้นำมาโชว์อีกหรือไม่ หลังมีข่าวตั้งเป้าหมายไว้อย่างน้อย ต้องได้ 60 ส.ส. คงต้องลุ้นหนักเลยว่า ฝันที่จะเป็นจริงหรือไม่!!!

………………….

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย… “แมวสีขาว”                                                            

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img