“ราเมศ” ไม่ทนสอนรุ่นใหญ่กรีด “ไตรรงค์” ฟาด “กรณ์” บุญคุณเขาไม่ทวงกันต้องระลึกได้เอง ตอกย้ำ ปชป. อุมการณ์ตรงไปตรงมา
วันที่ 3 มี.ค.2566 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี และนายกรณ์ จาติกวณิช ออกมาแสดงความคิดเห็นที่มีผลกระทบต่อพรรคว่า หลักการสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ที่ทั้งสองท่านทราบดีคือ ยึดอุดมการณ์ ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา พรรคถึงอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์นับแต่ก่อตั้งพรรคจะเห็นว่ามีการสร้างคนขึ้นมากมายจากรุ่นสู่รุ่น ถึงมีความยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้
การแสดงความคิดเห็นของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค คือการแสดงความคิดเห็นในทางการเมืองอยู่ในหลักการความจริงและความถูกต้อง การย้ายพรรคของนักการเมืองทุกพรรคเชื่อว่าทุกคนเห็นและเคารพในการตัดสิน และไม่ใช่ทุกคนเสมอไปที่จะไปด้วยอามิส การสร้างพรรคการเมืองตามหลักการระบอบประชาธิปไตยคือการสร้างคน เพราะหากใช้วิธีการซื้อคน วันหนึ่งก็จะเห็นได้ว่าไม่ใช่พรรคการเมืองที่แท้จริง ไม่ใช่การสร้างสถาบันทางการเมืองแต่เป็นการรวมกลุ่มกันเพื่อสร้างอำนาจ ดังนั้นคำว่า “ตกปลาในบ่อเพื่อน” คงไม่อธิบายซ้ำ เพราะตามหลักศีลธรรม และสังคม ทุกคนมองออกว่าเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี และที่สำคัญนายจุรินทร์ไม่ได้บอกเลยว่าใครตก และตกในบ่อใคร
นายราเมศ กล่าวต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังรักษาอุดมการณ์เดิมตลอด เชื่อว่าทุกคนที่ยังมั่นคงอยู่กับพรรค มีความพยายาม ช่วยกันทำ ช่วยกันคิด เพื่อให้พรรคเดินต่อไปในวันข้างหน้าได้ สำหรับในส่วนของการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค ต้องยอมรับว่าพรรคที่มีความเป็นประชาธิปไตย ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่มีใครสั่ง หรือชี้ได้ว่าจะให้ใครเป็นหัวหน้าพรรค หรือเป็นตำแหน่งอื่น ๆ ได้ ฉะนั้นการแข่งขันก็จะมีการต่อสู้กันสูง จากรอบที่ผ่านมา นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมถึงอีกหลายคนสนับสนุนนายจุรินทร์ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค และมีการแข่งขันกันตามระบบ แต่ยืนยันว่าทุกการเลือกตั้งตำแหน่งในพรรคไม่มีการซื้อเสียง นายไตรรงค์เองก็เป็นผู้เสนอนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคด้วย ซึ่งตนก็เชื่อว่าไม่มีการซื้อเสียงเช่นกัน
นายราเมศยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรณ์ออกมาโพสต์เฟสบุ๊คตอบนายชวน หลีกภัย นั้น คงไม่มีอะไรต้องชี้แจงมากนัก เพราะเชื่อว่านายกรณ์เข้าใจอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ดีว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และยิ่งนายกรณ์เคยเป็นผู้บริหารพรรคที่ดูแลพื้นที่ กทม. เมื่อครั้งอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ความคงเดิม หรือเปลี่ยนแปลง ทั้งนายกรณ์และผู้สมัคร ส.ส. กทม. ในสมัยนั้นจะทราบดี
“ผมเชื่อว่านายชวน หลีกภัย ไม่ได้ทวงบุญคุณ นายกรณ์ ที่พรรคให้เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะเรื่องบุญคุณนั้น เชื่อว่าทุกคนระลึกได้เองเพียงแต่ท่านชวนพูดถึงหลักการความถูกต้องว่า คนที่เคยเป็นรัฐมนตรี พอดีพอร้ายเขาไม่ไปไหนกัน และขอย้ำว่าประชาธิปัตย์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง” นายราเมศกล่าว
