เวทีปราศรัยใหญ่ของ “พรรคประชาธิปัตย์” (ปชป.) ที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เมื่อเย็นจนถึงค่ำวันศุกร์ที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา
เดิมทีข่าวว่า ไม่ได้มีชื่อของ “ชวน หลีกภัย” อดีตประธานสภาฯ-อดีตนายกรัฐมนตรี-อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะขึ้นเวทีด้วย เพราะที่วางไว้ก็จะประกอบด้วย 3 คนหลักคือ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ “มาดามเดียร์-วทันยา บุนนาค” ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง และ “ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม.และการขึ้นเวทีของผู้สมัครส.ส.เขต กทม.ทั้ง 33 คนเท่านั้น
แต่ปรากฏว่า แกนนำพรรคและทีมจัดงาน ได้รับแจ้งจาก “นายหัวชวน” ว่า จะขอขึ้นเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัครส.ส.กทม.และขอคะแนนคนกทม.ให้เลือกประชาธิปัตย์ในบัตรลงคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ด้วย ก็เลยทำให้มีการจัดคิวให้ “นายหัวชวน” ขึ้นเวทีปิดท้าย จนทำให้กว่าเวทีหาเสียงจะจบลงได้ ก็ปาเข้าไป 3 ทุ่มกว่า
เรื่องนี้ “ชวน หลีกภัย” ระบุกลางเวทีปราศรัยเองว่า ได้แจ้งกับ “จุรินทร์” หัวหน้าพรรคและ “คนในพรรค” ว่า นับแต่นี้ จะขอเดินสายขึ้นเวทีกับพรรคปชป.ในเกือบทุกเวที ที่จะทำได้ เพื่อช่วยพรรคปชป.หาเสียง โดยสาเหตุหนึ่งเป็นเพราะ หลังเห็นผลโพลหลายสำนัก พบว่าคะแนนนิยมของ “จุรินทร์” ตามหลังหัวหน้าพรรคการเมือง-แคนดิเดตนายกฯของพรรคอื่นตลอด ทั้งที่เห็นว่า “จุรินทร์” เป็นคนเก่ง อีกทั้งยิ่งมาเจอผลโพลที่มีการประเมินคาดการณ์กันว่า พรรคปชป.จะได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ไม่เกิน 5 คน ทำให้ตัดสินใจว่า แบบนี้คงไม่ได้แล้ว เพราะหากปชป.ได้ปาร์ตี้ลิสต์แค่ 5 คน จะทำให้ผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ปชป.หลายคน “อด” เข้าสภาฯ ทั้งที่ควรได้เข้าไปทำงานในสภาฯ เลยทำให้ตัดสินใจทันทีว่า จะขอร่วมเดินสายหาเสียงกับพรรคทั่วประเทศ
“การหยั่งเสียงโพลออกมามีการวิเคราะห์ สื่อบอกว่า ปชป.จะได้ส.ส. 5 คน ทำให้ใจหาย แต่ต้องขอบคุณสื่อที่ทำให้เรารู้ตัว ถ้าเป็นไปตามโพล ผมได้บอกกับนายจุรินทร์ว่า ไม่ต้องขอร้อง แต่ผมจะขออนุญาตไปขอพี่น้องไปทั่วประเทศ และกทม. ว่านอกจากเลือกส.ส.เขตแล้ว ช่วยเลือกเบอร์ 26 ด้วย ถ้าไม่เลือกเบอร์ 26 ผมก็คงไม่ได้เป็นส.ส. อย่างน้อยที่สุดขอให้คนเก่งๆ ของเราได้เป็นส.ส.” นายหัวชวน ระบุกลางเวทีปราศรัย
เรื่องนี้ “องอาจ คล้ามไพบูลย์” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า “ชวน หลีกภัย” และผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวนหนึ่ง จะร่วมคณะเดินสายช่วยรณรงค์หาเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส.ปชป. ทั่วประเทศ จนเสร็จสิ้นการหาเสียงในเวลา 18.00 น. ของวันที่ 13 พ.ค.66
“ประชาธิปัตย์ เชื่อมั่นว่า นายชวน หลีกภัย และสมาชิกพรรคทั่วประเทศ จะเป็นส่วนสำคัญทำให้ประชาชนเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของพรรคประชาธิปัตย์” องอาจกล่าวย้ำ
แน่นอนว่า การที่ผู้อาวุโสในพรรคปชป. อย่าง “ชวน หลีกภัย” ลงมาช่วยลูกพรรคหาเสียงทั่วประเทศแบบนี้ มันย่อมทำให้ผู้สมัครส.ส.เขต ของพรรคปชป. คงได้กำลังใจอย่างมาก เพราะทำให้มี “แม่เหล็ก” ดึงดูดให้คนสนใจเวลาผู้สมัครลงหาเสียงในพื้นที่ ที่มีระดับอดีตนายกฯ-อดีตประธานสภาฯ มาช่วยหาเสียง
แม้ในความเป็นจริง ด้วยยุคสมัยการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป จำนวนโหวตเตอร์ในยุคปัจจุบัน ที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจำนวนมากในเวลานี้ หลายล้านคน ก็ไม่ได้อินหรือนิยมในตัว พรรคปชป.และ “ชวน หลีกภัย” มากเหมือนเดิมแล้ว
ดูได้ขนาดเลือกตั้งตอนปี 2562 ที่จังหวัดตรัง เขต 1 เด็กสร้างของ “ชวน หลีกภัย” อย่าง “นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์” อดีตส.ส.ตรัง ปชป.หลายสมัย ยังสอบตก แพ้ให้กับ “พลังประชารัฐ” ที่แสดงให้เห็นว่า “ตรัง” บ้านเกิดของ ชวน” วันนี้ “กระแสชวน” ก็ไม่ขลังเหมือนเดิม รวมถึงอีกหลายจังหวัดในภาคใต้ กระแสนิยมของ “ชวน” และปชป. ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 จนถึงการเลือกตั้งรอบนี้ กระแสพรรคและกระแส “ชวน” ก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จนคำกล่าว “ภาคใต้ ประชาธิปัตย์ส่งเสาไฟฟ้า ลงก็ชนะ” ตอนนี้….หายไปเรียบร้อย
ที่ก็เช่นเดียวกับในสนามกทม. ที่ถึงตอนนี้ กระแสนิยมของพรรคปชป.ในกทม. ก็ยังอยู่ในอาการ “ทรงๆ” คืออาจมีกระเตื้องขึ้นบ้าง เมื่อเทียบจากปี 2562 ที่ตอนนั้น ปชป. “แพ้ยับ-สูญพันธุ์” ไม่ได้ส.ส.กทม.แม้แต่คนเดียว โดยแม้สี่ปีที่ผ่านมา พรรคปชป.จะได้เป็นฝ่ายรัฐบาล ดูแลทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตร กระทรวงพัฒนาสังคมฯ -กระทรวงมหาดไทย-กระทรวงสาธารณสุข-กระทรวงศึกษาธิการ แต่หากถามคนกรุงเทพฯว่า จะเลือกปชป.ในการเลือกตั้งรอบนี้หรือไม่ ก็พบว่า ยังไม่มีคำตอบแบบชัดถ้อยชัดคำ
ที่แตกต่างอย่างยิ่ง เพราะหากถามคนกทม. ว่าจะเลือก “เพื่อไทย-ก้าวไกล-รวมไทยสร้างชาติ” หรือไม่ คนกทม.ส่วนใหญ่จะตอบได้ทันทีว่า จะเลือกพรรคเพื่อไทย-ก้าวไกล หรือ รวมไทยสร้างชาติ เพราะสนับสนุน “บิ๊กตู่” แต่สำหรับปชป. กลับพบว่า คนกทม.ยังลังเลใจที่จะเลือก
ซึ่งตรงนี้สะท้อนออกมาได้จากผลโพลหลายสำนัก ที่สำรวจคนกทม. ก็จะพบว่า คะแนนนิยมของปชป. ยังตามหลังทั้ง “เพื่อไทย-ก้าวไกล-รวมไทยสร้างชาติ” พอสมควร
อย่างไรก็ตาม เหตุที่รอบนี้ แกนนำพรรคปชป. ดูจะใจชื้น มีความหวังว่า สนามกทม.จะไม่สูญพันธุ์ ก็เพราะเกิดความมั่นใจหลังพรรคปชป.ได้สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร หรือ “ส.ก.” ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา 9 คน ที่มากกว่า “พลังประชารัฐ” ที่ได้มาสองคน ผนวกกับคะแนนของ “ดร.เอ้-สุชัชวีร์” ก็มาอันดับสอง ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่มากกว่า “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” จาก “ก้าวไกล” แบบหักปากกาเซียน ทำให้แกนนำพรรคปชป.ก็มั่นใจลึกๆ ว่า รอบนี้ สนามกทม.ปชป. จะไม่สูญพันธุ์
โดยเขตเลือกตั้งกทม.ที่ “ทีมกทม.ปชป.” มั่นใจว่า พอมีลุ้น ก็เช่น เขตบางคอแหลม ยานนาวา “อภิมุข ฉันทวานิช”, เขตคลองเตย วัฒนา “ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง” ลูกชายพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯกทม.-“สุวัฒน์ ม่วงศิริ” ที่ย้ายมาจากพลังประชารัฐ-“วัชระ เพชรทอง” ในพื้นที่เขตบางแค หนองแขม-“วิลาศ จันทร์พิทักษ์” จากเขตบางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ-“ชนินทร์ รุ่งแสง” ที่เขตบางพลัด เป็นต้น โดยก็อาจมีอีกบางคน-บางเขต ที่อาจลุ้นเบียดเข้ามาได้ โดยเฉพาะในพื้นที่กทม.โซนชั้นใน ที่ยังมีแฟนคลับของปชป.อยู่พอสมควร
อย่างไรก็ตาม จุดที่จะทำให้ ปชป.อาจได้ส.ส.กทม.น้อย หรืออาจไม่ได้เลย ก็คือ หากกระแส “ลุงตู่-รวมไทยสร้างชาติ” มาแรง จนคนกทม.เลือก “รวมไทยสร้างชาติ” ทั้งสองใบ เพื่อสกัด “เพื่อไทย-ก้าวไกล” ไม่ให้เข้าไปเป็นรัฐบาล ก็อาจทำให้ คนกทม.อาจต้องเลือกเชิงยุทธศาสตร์ ด้วยการเลือก “รวมไทยสร้างชาติ” สองใบ ทั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อ
ถ้า “คนกทม.” คิดและเลือกแบบนี้ “ปชป.” ก็อาจฟื้นกลับมาได้ยากในกทม. คือแม้อาจไม่สูญพันธุ์ แต่ก็น่าจะได้ไม่เกิน 3-5 ที่นั่ง
แต่ไม่แน่ว่า แกนนำปชป.อาจบอก สนามกทม. เอาแค่ไม่สูญพันธุ์ แค่นี้ก็พอใจแล้ว !
……………………………………
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย “พระจันทร์เสี้ยว”