‘เศรษฐา’ ลุยกาดเมืองใหม่พบปะพ่อค้าแม่ค้าเชียงใหม่ ถือโอกาสทำบุญใส่บาตรพระเอาฤกษ์เอาชัย ปชช.ส่งเสียงเชียร์ชนะแน่ ดันแก้ฝุ่น PM 2.5 เป็นวาระแห่งชาติเมิน ‘ชัยวุฒิ’ จับไต๋เป็นนายกฯได้ แต่ต้องฟังนายใหญ่
เมื่อเวลา 07.20 น. วันที่ 10 เม.ย.66 ที่จ.เชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่กาดเมืองใหม่ หาเสียงช่วยนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้สมัครส.ส.เชียงใหม่ เขต 1 หมายเลข 1 โดยมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค เพื่อพบปะทักทายกับพ่อค้าแม่ค้าและพี่น้องประชาชนที่มาจ่ายตลาด ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าต่างให้เข้ามากำลังใจและถ่ายรูปกันอย่างอบอุ่น และส่งเสียงเชียร์ว่า พรรค พท. ชนะแน่นอน ทั้งนี้ นายเศรษฐา ได้ถือโอกาสทำบุญใส่บาตรพระในช่วงเช้าของวันนี้เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยในการลงพื้นที่หาเสียงจ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นายเศรษฐา จะลงพื้นที่กาดเมืองใหม่ ได้ถือโอกาสวิ่งตอนเช้า เพื่อวอร์มร่างกายก่อนลงพื้นที่ในวันนี้ด้วย
จากนั้น เวลา 07.50 น. นายเศรษฐา และคณะ เดินทางไปยัง ถ.นิมมานเหมินทร์ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ เพื่อพูดคุยกับส.ส.และประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ และไปดูสภาพอากาศที่สี่แยกรินคำ
นายเศรษฐา กล่าวถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 กรณีมีชาวเชียงใหม่ นัดรวมตัวไปยื่นศาลปกครองเพื่อร้องเอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่เพิกเฉยล้มเหลวต่อปัญหานี้ว่า นี่เป็นปัญหาที่ลึกซึ้ง เราต้องการผู้นำที่เอาใจใส่อย่างจริงจัง ทั้งการเจรจากับเพื่อนบ้าน การปลูกและเผาทั้งหลาย และผู้ประกอบการในเมืองไทยที่มีการติดต่อซื้อพันธุ์พืชจากประเทศใกล้เคียง แต่ไม่ได้สนใจเรื่องปลายน้ำ ว่าเพื่อนบ้านเราจะทำอะไรกับซากที่เหลือบ้าง ดังนั้นจึงต้องเอามาตรการทางภาษีหรือที่เรียกว่าภาษีบาปเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย เพื่อให้พี่น้องประชาชนนำไปกำจัดซากดังกล่าว ส่วนที่มีชาวบ้านเข้าไปเผาป่าเพื่อให้ได้ของป่ามาขาย เช่น ผักหวาน พรรค พท. มองว่าเราสามารถหาเทคนิคผักหวานเป็นพืชเศรษฐกิจได้โดยไม่ต้องเผา
เมื่อถามว่า พรรค พท.จะสามารถเจรจากับเพื่อนบ้านในตอนนี้เพื่อแก้ปัญหาได้เลยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าก้าวไปไกลเกินกว่าที่เรายืนอยู่ หน้าที่วันนี้คือเผยแพร่นโยบายให้ประชาชน หากได้รับฉันทามติให้เข้าไปทำหน้าที่เป็นรัฐบาล เราจะทำเรื่องนี้ให้เป็นวาระแห่งชาติ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องคืนอากาศบริสุทธิ์ให้คนไทย
นายเศรษฐา ยังกล่าวกรณีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมาปราศรัยโจมตีว่าหากพรรค พท. ได้เป็นรัฐบาล นายเศรษฐาได้เป็นนายกฯ จะต้องฟัง ‘นายใหญ่’ ที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริง หรือต้องเป็น ‘น้องเขย’ เท่านั้น ถึงจะตัดสินใจอะไรได้ว่า ก็เป็นความคิดของนายชัยวุฒิ อยากพูดอะไรก็พูดไปแล้วกัน วันนี้เรามีหน้าที่เผยแพร่นโยบาย ทำให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพมากขึ้น และทำให้ปัญหาปากท้องหายไป เดินหน้าทำงานให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศ เจ้าของอำนาจอธิปไตย ซึ่งเราต้องให้เกียรติ
“หน้าที่ผมไม่ได้ต้องตอบโต้นักการเมืองที่คิดว่าเราเป็นคู่แข่ง คู่แข่งผมใช่นักการเมือง แต่คู่แข่งผมคือความยากจน ความไม่เสมอภาคเท่าเทียม” นายเศรษฐา กล่าว
เมื่อถามว่า จะสร้างความมั่นใจกับประชาชนได้อย่างไรว่าหากเป็นรัฐบาลแล้วจะสามารถเดินหน้านโยบายด้วยตัวเองในฐานะแคนดิเดตนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า พรรค พท. มีแคนดิเดตนายกฯ 3 คน เชื่อว่าเรามี ส.ส.เก่งๆ จำนวนมากที่จะมาผลักดันนโยบาย กำกับดูแลการทำงานของฝ่ายบริหารให้ดีขึ้น
เมื่อถามอีกว่า จะลบภาพนอมินีอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมไม่เคยเป็นนอมินีให้ใครอยู่แล้ว” เมื่อถามย้ำว่าจะไม่ถูกครอบงำใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมไม่ถูกครอบงำ แต่ผมถูกครอบงำโดยประชาชนอย่างเดียวเท่านั้น”