วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlightเงินบาทอ่อนค่า เกาะติดข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปวันนี้
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เงินบาทอ่อนค่า เกาะติดข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปวันนี้

เงินบาทเปิดตลาด 34.36 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่า หลังดอลลาร์แข็ง พร้อมมีปริมาณการซื้อขายทองคำในช่วงจังหวะย่อตัว ตลาดจับตาข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งยุโรป-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทย

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงิน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.36 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.32 บาทต่อดอลลาร์ ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งเรามองว่า ทิศทางของทั้งเงินดอลลาร์และราคาทองคำจะยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อแนวโน้มค่าเงินบาทในช่วงนี้

โดยเราประเมินว่า ในระหว่างวันนี้ ค่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงได้บ้างและมีโอกาสทดสอบโซนแนวต้าน 34.40-34.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ก็มีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งยุโรปในวันนี้ออกมาแย่กว่าคาด กดดันให้เงินยูโร (EUR) อ่อนค่าลง

อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างรอจับตารายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในวันพุธนี้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่เร่งรีบปรับสถานะถือครอง นอกจากนี้ เราเริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น ซึ่งฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติก็อาจช่วยชะลอแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทได้เช่นกัน

ทั้งนี้ในเชิงเทคนิคัล เราคงมุมมองเดิม (ตามบทวิเคราะห์แนวโน้มค่าเงินบาทในวันที่ 3 เมษายน) ว่า เงินบาทในช่วงเดือนเมษายนมีโอกาสแกว่งตัว sideways up หรือทยอยอ่อนค่าลงได้บ้าง โดยล่าสุดเงินบาทได้ปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้าน เส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วัน (รวมถึงทะลุกรอบเทรนด์ขาลงที่เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม) อีกทั้งสัญญาณจาก RSI และ MACD ก็สะท้อนแนวโน้มว่าเงินบาทมีโอกาสแกว่งตัวอ่อนค่าลงได้ อย่างไรก็ตาม ควรระวังความผันผวนของตลาดการเงินในช่วงผู้เล่นในตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงโฟลว์ธุรกรรมในตลาดการเงินไทยเบาบางช่วงก่อนวันหยุดยาว

ในช่วงนี้ เราคงมองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูงทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.25-34.45 บาท/ดอลลาร์

สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวน โดยดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.10% กดดันโดยแรงขายหุ้นเทคฯ ใหญ่ (Alphabet -1.8%, Apple -1.6%) ท่ามกลางความกังวลของผู้เล่นในตลาดว่า เฟดมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ +0.25% อีกครั้ง (ตลาดให้โอกาส 72% จาก CME FedWatch Tool) หลังข้อมูลการจ้างงานล่าสุดยังคงออกมาดีกว่าคาด

ทว่าแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวของเฟดก็อาจเพิ่มความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนักและเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ได้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนักและต่างรอจับตารายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI ที่จะรายงานในวันพุธนี้ รวมถึงรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยเฉพาะกลุ่มการเงินในช่วงวันศุกร์ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองที่ชัดเจนต่อไป

ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ปรับเพิ่มโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนพฤษภาคม หลังยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ล่าสุด ออกมาดีกว่าคาด ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อย่าง บอนด์ยีลด์ 10 ปี ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับ 3.41%

ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นโซนแนวต้านที่สำคัญและหากบอนด์ยีลด์เริ่มกลับมาปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องได้ ก็มีโอกาสที่จะทดสอบโซนแนวต้านถัดไปแถว 3.60% ได้ ทำให้เราคงมุมมองเดิมว่า นักลงทุนควรรอจังหวะในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ โดยเฉพาะบอนด์ระยะยาวในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจรอซื้อในช่วงการประชุมเฟดเดือนพฤษภาคมที่เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้ายในการประชุมดังกล่าวได้

สำหรับตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังผู้เล่นในตลาดกลับมามองว่าเฟดมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 102.5 จุด ทั้งนี้ โซน 102.5-103 จุด ก็เป็นโซนแนวต้านสำคัญของเงินดอลลาร์ในช่วงนี้ ทำให้เงินดอลลาร์อาจเคลื่อนไหว sideways ในช่วงก่อนที่ตลาดจะรับรู้รายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ

ส่วนราคาทองคำ แม้ผู้เล่นในตลาดจะไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมาก แต่การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) ย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับแถว 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังพอได้แรงหนุนจากความต้องการถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ราคาทองคำยังสามารถแกว่งตัวเหนือโซนแนวรับได้จากโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งเรามองว่าโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้

สำหรับวันนี้ ความสนใจของผู้เล่นในตลาดอาจอยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งยุโรป ทั้ง ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (Sentix Investor Confidence) และรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของยูโรโซน โดยตลาดประเมินว่า บรรดานักลงทุนและนักวิเคราะห์อาจเริ่มคลายกังวลปัญหาระบบธนาคารยุโรปและเริ่มปรับลดมุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนในอีก 6 เดือนข้างหน้า ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -10 จุด (ดัชนีต่ำกว่า 0 หมายถึง มุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ)

อย่างไรก็ดี ยอดค้าปลีกเดือนกุมภาพันธ์ อาจพลิกกลับมาหดตัว -0.8%m/m (หรือคิดเป็น -3.5%y/y) ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อสูงและต้นทุนการเงินที่สูงขึ้นตามการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ส่วนไทยคาดว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งได้แรงหนุนจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการจ้างงานที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในส่วนภาคการบริการ จะช่วยหนุนให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) เดือนมีนาคม ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53 จุด อย่างไรก็ดี ปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นผู้บริโภคอาจยังคงเป็นภาวะเงินเฟ้อสูง

    

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img