‘’เศรษฐา’’ขึ้นเวทีปราศรัยร้อยเอ็ด ย้ำนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ชี้หากเป็นรัฐบาลราคาสินค้าเกษตรเพิ่ม 3 เท่า อ้อน 14 พ.ค.กา “เพื่อไทย”ทั้ง 2 ใบ อย่าปันใจให้ใคร
เมื่อวันที่ 18 เม.ย.66 ที่โรงเรียนจันทรุเบกษา อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฎิบัติการเลือกตั้งส.ส.พรรคเพื่อไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยผู้บริหารพรรคและผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ได้พบปะประชานและเปิดเวทีปราศรัยโดยมีประชาชนร่วมฟังปราศรัยกว่า 5,000 คน
นายเศรษฐา ปราศรัยว่า วันนี้ชื่นใจที่ได้เดินทางมาจังหวัดร้อยเอ็ด ตนรับทราบได้ถึงสายตาที่เป็นมิตร รอยยิ้ม และความจริงใจที่มีให้กับตน และคณะ ตอนนี้รู้แล้วว่าทำไมคณะทำงานจาก กทม.อยากเดินทางมาเยือนจังหวัดร้อยเอ็ด ทั้งนี้ ตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ เวทีแรกที่ตนมาก็คือเวทีจังหวัดร้อยเอ็ดนี้ ตนรู้ว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ประชาชนรายได้ตกต่ำ อากาศไม่บริสุทธิ์ ยาเสพติดระบาดทุกหัวระแหง แต่พรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งกลับมีนโยบายกัญชาเสรี แต่เพื่อไทยยืนยัน เราสนับสนุนกัญชาเพื่อ การแพทย์อย่างเดียว
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ค้นพบข้าวพันธุ์ทุ่งกุลาร้องไห้ จดทะเบียนเป็นของคนไทย สร้างรายได้มากมาย แต่กลับไม่มีใครสานต่อตรงนี้ ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลเรายืนยัน สินค้าเกษตรจะราคาสูงขึ้น 3 เท่า และเราจะใช้นวกรรมเข้ามาช่วยในการเพิ่มผลผลิตให้พี่น้อง และเราพรรคเพื่อไทยจะออกไปเปิดตลาดใหม่ๆให้พี่น้อง
นอกจากนี้ เรายังมีนโยบายเติมเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท เพื่อให้พี่น้องประชาชรเอาไปจับจ่ายใช้สอย ในระยะทาง 4 กิโลเมตรนับจากที่อยู่ตามบัตรประชาชน และต้องใช้ภายใน 6 เดือน ผลประโยชน์นี้ไม่ได้ตกอยู่แค่กับพี่น้องที่ได้เงินในบัตรเท่านั้น แต่คนค้าขาย คนที่มีสินค้าต่างๆจะได้ประโยชน์ไปด้วย นี่ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ทั้งระบบ ดังนั้น ขอให้พี่น้องชาวร้อยเอ็ดทุกคนออกไปใช้เสียงในวันที่ 14 พ.ค. ให้ถล่มทลาย เข้าคูหา กาเพื่อไทยให้ถล่มทลายทั้ง 2 ใบ เลือกทั้งคน ทั้งพรรค ไม่ปันใจให้ใคร ไม่มีพรรคพี่ ไม่มีพรรคน้อง เราจะกลับมามีความเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง