“ศรีสุวรรณ” บุกร้อง กกต.ตรวจสอบ “อุ๊งอิ๊ง” ถือหุ้นในสื่อหรือไม่ ส่อขัดรธน. หลังพบถือครองกว่าล้านหุ้น
เมื่อวันที่ 2 พ.ค.66 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศูนย์ราชการฯ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ยังคงถือหุ้นในบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,216,149,807 หุ้นนั้น ขัดต่อ ม.98(3) ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบวัตถุประสงค์ของบริษัทมหาชนดังกล่าวแล้ว พบว่ามีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการทั้งหมด 39 ข้อ ซึ่งมีวัตถุประสงค์อย่างน้อย 5 ข้อที่อาจเข้าข่ายเป็นกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ อาทิ ประกอบกิจการเกี่ยวกับการจัดทำ จัดพิมพ์เอกสารใดๆประกอบกิจการโฆษณา, ประกอบกิจการจัดสร้าง จัดจำหน่ายภาพยนตร์, ประกอบธุรกิจด้านบันเทิงและโฆษณาทุกชนิดทุกประเภท, ประกอบธุรกิจและธุรกรรมทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท ฯลฯ
นายศรีสุวรรณ กล่าวา่า ตามพ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ 2550 ให้คำจำกัดความว่า “หนังสือพิมพ์” คือ สิ่งพิมพ์ซึ่งมีชื่อจ่าหน้าเช่นเดียวกัน และออกหรือมีเจตนา จะออกตามลำดับเรื่อยไป มีกำหนดเวลาหรือไม่ก็ตาม มีข้อความต่อเนื่องหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ให้หมายความรวมถึง นิตยสาร วารสาร สิ่งพิมพ์ที่เรียกชื่ออย่างอื่นทำนองเดียวกัน” ส่วนคำว่า “เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์” หมายความว่า บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์” ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ ซึ่งการถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัทดังกล่าวอาจเป็นลักษณะต้องห้ามตาม ม.98(2) ประกอบ ม.160(6) และ ม.98(3) ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า บุคคลที่เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ เป็นลักษณะต้องห้ามที่พรรคการเมืองจะมีมติว่าจะเสนอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตาม ม.88 มิได้
“สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความมาร้องเรียนเพื่อชี้เบาะแสให้ กตต.ได้ไต่สวนและวินิจฉัย เพื่อให้เป็นข้อยุติว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีลักษณะต้องห้ามเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.98(3) กำหนดห้ามไว้หรือไม่”นายศรีสุวรรณ กล่าว