วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS''สุดารัตน์''ลั่นขอสร้างอีสานให้มั่งคั่ง ต้องหายแล้ง-หายจน ภายใน 3 ปี
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

”สุดารัตน์”ลั่นขอสร้างอีสานให้มั่งคั่ง ต้องหายแล้ง-หายจน ภายใน 3 ปี

สุดารัตน์” ลุยอีสานต่อเนื่อง เป็นวันที่ 5 เปิด ปราศรัย แล้วเกือบ 20 เวที ขอแก้ปัญหาให้คนอีสาน ระบุ จะขอสร้างอีสานให้มั่งคั่ง ต้องหายแล้ง หายจน ภายใน 3 ปี หนุนชาวอีสานทำเกษตรสมัยใหม่ สามารถแปรรูปขายสินค้าเกษตรได้เอง ที่สำคัญเกษตรกรผู้ผลิต จะเป็นผู้กำหนดราคาไม่ใช่โรงสี นายทุนอีกต่อไป

เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 66 ที่ อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่ภาคอีสาน พร้อมเปิดเวทีปราศรัยต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ 5 รวมแล้วเกือบ 20 เวที ซึ่ง ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนอย่างล้นหลาม ผู้สนับสนุนรวมถึงพี่น้องประชาชน แห่รับฟังนโยบายและให้กำลังใจ คุณหญิงสุดารัตน์ แต่ละเวทีนับหมื่นคน เช่นเดียวกับที่จังหวัดนครพนม พื้นที่ของนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส หมายเลข 5 เขต 4 พรรคไทยสร้างไทย จังหวัดนครพนม

คุณหญิงสุดารัตน์ ขึ้นเวทีกล่าวว่า ภาคอีสานเป็นภาคที่ใหญ่ที่สุด มีประชากรมากที่สุด พี่น้องขยันทำมาหากินที่สุด อดทน และซื่อสัตย์ที่สุด แต่กลับยากจนและยังขาดโอกาส โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกร ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ ดังนั้นพรรคไทยสร้างไทย จึงมีนโยบายอีสานมั่งคั่ง โดยจะนำเทคโนโลยี และองค์ความรู้ใหม่ๆ เข้ามาใช้ เพื่อให้เกิดการทำเกษตรสมัยใหม่ จะส่งเสริมให้เกษตรกร สามารถแปรรูปขายสินค้าเกษตรได้เอง ซึ่งเกษตรกรจะเป็นผู้กำหนดราคาขายได้ด้วยตัวเอง เช่น ข้าว รัฐบาลพรรคไทยสร้างไทย จะสนับสนุนให้เกษตรกร เกิดการรวมตัวกัน ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยได้เสนอกฎหมาย การรวมตัว ของคนตัวเล็ก ซึ่งหมายถึงพี่น้องเกษตรกร เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ จะสนับสนุนเงินทุนให้กู้ยืมดอกเบี้ยผ่อนปรนในระยะยาว สนับสนุนเครื่องไม้ เครื่องมือเครื่องสีข้าว เครื่องอบข้าว เครื่องบรรจุข้าว ยุ้งฉางและห้องเย็น เพื่อให้พี่น้องเกษตรกร เปลี่ยนจากการขายข้าวเปลือกมาขายข้าวสารด้วยตนเอง โดยรัฐมีหน้าที่ เป็นผู้รับซื้อและผู้ขายให้ และรัฐจะจัดการขนส่งผลผลิตทางการเกษตร โดย กลไกของศูนย์ เกษตรเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีอยู่ในทุกจังหวัด

จากกลไกการบริหารจัดการใหม่ทั้งหมดนั้นจะช่วยให้เกษตรกรสามารถเก็บข้าวไว้ได้นานขึ้นจะเพิ่มมูลค่าของผลผลิตข้าวได้มากขึ้น จากเดิมที่เคยขายข้าวเปลือก ได้กิโลกรัมละ 7 บาท เมื่อเปลี่ยนรูปแบบการผลิต และหันมาขายข้าวสาร จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เกือบ 4 เท่าตัว หรือ ตันละประมาณ 25,000 บาท ตามที่ รัฐบาลไทยสร้างไทย ได้ประกาศไปว่า เมื่อพรรคไทยสร้างไทยเป็นรัฐบาล สินค้าเกษตรจะต้องราคาดี

ข้าวหอมมะลิ จะต้องไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท/ตัน ข้าวหอมจังหวัด 13,000 บาท/ตัน ข้าวเหนียว 14,000 บาท/ตัน ข้าวสารขาว 11,000 บาท/ตัน
ส่วนราคาพืชผลอื่น มันสำปะหลัง 3 บาท/กก. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 8 บาท/กก. ยางพารา 60 บาท/กก. ยางก้อนถ้วย 45 บาท/กก. ปาล์มน้ำมัน 5 บาท/กก. อ้อยโรงงาน 1,000 บาท/ตัน

และจะมีการปรับโครงสร้างการผลิต บริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกพืชเกษตร (Zoning) โดยปรับระบบการใช้ที่ดินเพื่อผลิตสินค้าเกษตรให้สอดคล้องกับอุปสงค์ – อุปทาน (Demand – Supply) เพื่อยกระดับราคา เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร พร้อมพัฒนาแหล่งน้ำ ตั้งแต่ระดับหมู่บ้านจนถึงการกักเก็บน้ำตามลำน้ำ ซึ่งจะมีโครงการ ขุดบ่อน้ำ 1 ล้านบ่อ ขุดน้ำบาดาล 1 แสนบ่อ วางระบบผันน้ำ โขง-เลย-ชี-มูล แม่น้ำสายสำคัญอื่น และจาก สปป. ลาว มาเติม ในยามที่ขาดน้ำ รวมทั้งพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอและมีคุณภาพทุกหมู่บ้าน

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img