โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ยินดี ไทยเดินหน้าตามแผนสู่เมืองแห่งพลังงานสะอาด สร้างงาน เพิ่มระบบหมุนเวียนแก่เศรษฐกิจ ทั้งยังตอกย้ำศักยภาพการเป็นฮับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยในภูมิภาค สร้างเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน
เมื่อวันที่ 12 พ.ค.66 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รับทราบหน่วยงานรัฐเดินหน้าตามนโยบายรัฐบาล และเจตนารมณ์ของไทยในการยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ทุกวิถีทาง พร้อมมุ่งสู่การเป็นเมืองแห่งพลังงานสะอาด ตอกย้ำศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า จากการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพและยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เติบโตต่อเนื่อง พร้อมผลักดันไทย ดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มเติม
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การลงทุนด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่ช่วยกระตุ้นยอดการลงทุน คือ อุตสาหกรรมการผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพ ที่เกิดเกิดการลงทุนกว่า 19,000 ล้านบาท และอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เกิดการลงทุนกว่า 1,400 ล้านบาท เป็นผลจากการจัดทำมาตรการกระตุ้น และมาตรการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลเพื่อให้เกิดการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ให้เป็นไปตามเป้าหมายการผลิตและการใช้ยานยนต์ไร้มลพิษ (Zero Emission Vehicle : ZEV) ลดการใช้น้ำมัน ลดการปล่อยไอเสีย รวมทั้งลดฝุ่น PM 2.5
นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่า ยอดการลงทุนจะเพิ่มขึ้นรวมไม่ต่ำกว่า 1.8 แสนล้านบาท ในไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปี 2566 นี้ จากการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงการเร่งรัดการลงทุนของผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติและออกบัตรส่งเสริมการลงทุนในช่วงปี 2563 – 2565 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้อนุมัติการส่งเสริมโครงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งยานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และไฮบริด (HEV) รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 86,800 ล้านบาท สอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ซึ่งรายงานยอดรถจดทะเบียนใหม่จำแนกตามชนิดเชื้อเพลงจากกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม พบว่า ในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2566 รถจดทะเบียนใหม่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น โดยรถที่ใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึงร้อยละ 625.00 ด้วยกระแสการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่เพิ่มขึ้น
“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานและการใช้มาตรการเชิงรุกต่าง ๆ ที่ผ่านมาของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันการลงทุนในประเทศให้ก้าวหน้าต่อไป โดยปัจจุบันต้องคำนึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เน้นการใช้พลังงานสะอาดผ่านนโยบายส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงโมเดลเศรษฐกิจ BCG ให้ผู้ประกอบการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน” นายอนุชา กล่าว