วันเสาร์, กันยายน 21, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlightท่องเที่ยวฟื้นหนุนยอดจดทะเบียนตั้ง''ธุรกิจใหม่'' นิวไฮรอบ 10 ปี
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ท่องเที่ยวฟื้นหนุนยอดจดทะเบียนตั้ง”ธุรกิจใหม่” นิวไฮรอบ 10 ปี

“จุรินทร์ ” เผยยอดจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่ 4 เดือนสูงสุดในรอบ 10 ปี ทะลุ 32,223 ราย รับท่องเที่ยวฟื้น คาดทั้งปีแตะ 78,000 ราย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการจดทะเบียนธุรกิจ 4 เดือนที่ผ่านมา(ม.ค.-เม.ย.) ว่า  มีจำนวนการจัดตั้งธุรกิจ 32,223 รายสูงสุดในรอบ 10 ปี ( 2557 – 2566) เพิ่มขึ้นถึง 16.23% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน  โดยธุรกิจที่เกี่ยวข้องการท่องเที่ยวมีการจัดตั้งบริษัทใหม่มากสุด เช่น ธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 5.6 เท่า ธุรกิจตัวแทนการเดินทาง เพิ่มขึ้น 3.7 เท่า ธุรกิจจัดนำเที่ยว เพิ่มขึ้น 2.7 เท่า ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร เพิ่มขึ้น 68% และธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และห้องชุด เพิ่มขึ้น 41%

ซึ่งการเติบโตดังกล่าว คาดว่าเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และสถานการณ์การท่องเที่ยวที่ดีขึ้น ซึ่งสะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น กรมพัฒนาธุรกิจการค้าคาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 42,000 – 45,000 ราย และตลอดทั้งปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 75,000 – 78,000 ราย

สำหรับธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนเม.ย. อยู่ที่ 6,041 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 20,897.87 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 434 ราย คิดเป็น 7.19% รองลงมา คือ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 405 ราย คิดเป็น 6.70% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 262 ราย คิดเป็น 4.34% 

ทั้งนี้หากแบ่งตามช่วงทุนพบว่า  ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 3,971 ราย คิดเป็น 65.73% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 1,985 ราย คิดเป็น 32.86% ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 67 ราย คิดเป็น 1.11% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 18 ราย คิดเป็น 0.30%  

อย่างไรก็ตาม การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเดือนเมษายน 2566 มีการชะลอตัวลงไปบ้าง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากจำนวนวันทำการราชการที่น้อยกว่าเดือนก่อน และเป็นไปตามแนวโน้มปกติของการจดทะเบียนที่จะมีจำนวนจัดตั้งลดลงในเดือนเมษายน

สำหรับธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนเมษายน 2566  มีจำนวน 936 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 5,177.20 ล้านบาท ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 115 ราย คิดเป็น 12.29%  ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 53 ราย คิดเป็น 5.66% และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 23 ราย คิดเป็น 2.46%  


อย่างไรก็ตาม หากแบ่งตามช่วงทุนพบว่า  ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 631 ราย คิดเป็น 67.42% ช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 268 ราย คิดเป็น 28.63% ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 32 ราย คิดเป็น 3.42% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 5 ราย คิดเป็น 0.53% ตามลำดับ  

สำหรับธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ 30 เมษายน 2566 จำนวน 871,041 ราย มูลค่าทุน 21.23 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นบริษัทจำกัด จำนวน 667,100 ราย คิดเป็น 76.59% ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 202,544 ราย คิดเป็น 23.25% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,397 ราย คิดเป็น 0.16%

ทั้งนี้หากแบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 510,856 ราย คิดเป็น 58.65% รวมมูลค่าทุน 0.45 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.11% รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 265,453 ราย คิดเป็น 30.47% รวมมูลค่าทุน 0.91 ล้านล้านบาท คิดเป็น 4.27% ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 77,155 ราย คิดเป็น 8.86% รวมมูลค่าทุน 2.12 ล้านล้านบาท คิดเป็น 9.98% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 17,577 ราย คิดเป็น 2.02% รวมมูลค่าทุน 17.76 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.64%  

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img