การถวายสมณศักดิ์ แด่ พระภิกษุที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่า เป็นภิกษุผู้ประพฤติดี ประพฤติชอบในสมณเพศ ล่าสุดนี้ คือ “พระเทพวัชรบัณฑิต” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ก่อนหน้านั่นในรัชกาลปัจจุบันพระองค์ก็ทรงถวายให้อีกหลายรูป ซึ่งธรรมเนียมปฎิบัติไม่เหมือนกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
ยุคในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงถวายเนื่องในวาระสำคัญ ๆ เช่น “วันแม่แห่งชาติ” หรือ “วันพ่อแห่งชาติ” หรือวาระสำคัญ ๆ อย่างอื่น
#เรื่องสมณศักดิ์..เป็นเรื่องของพระราชอำนาจและเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย
ประเทศไทยนั้นระบบสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ เริ่มใช้มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย พอมาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาระบบสมณศักดิ์ได้รับการปรับให้มีระดับชั้นเพิ่มขึ้นเป็น 3 ระดับคือ สมเด็จพระสังฆราช พระสังฆราชคณะหรือพระราชาคณะ และพระครู
สำหรับปัจจุบันลำดับสมณศักดิ์มีประมาณ 68 ลำดับชั้นตั้งแต่พระครูชั้นประทวนจนถึงสมเด็จพระสังฆราชเจ้า
ความจริงเรื่อง สมณศักดิ์ นอกจากจะถวายแด่พระภิกษุที่ “ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบแล้ว” อีกประการหนึ่งก็ถือว่า “เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง” ของพระมหากษัตริย์ในยุคก่อน ที่ต้องการจะควบคุมการแข่งข้อและควบคุมพระสงฆ์ให้อยู่ภายใต้พระราชอำนาจ
และบางยุคบางสมัย การถวายสมณศักดิ์ ก็เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ทำงานต่างพระเนตร พระกรรณ ในถิ่นห่างไกลจากเมืองหลวง
ระบบสมณศักดิ์ ถือได้ว่า “เป็นเครื่องมือที่ดียิ่ง” ในการ “เชื่อมโยงและสร้างความผูกพันเกื้อกูลกัน” ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับสถาบันสงฆ์
ในขณะที่พระภิกษุสงฆ์เมื่อได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ก็จะแสดงความจงรักภักดีและอุทิศตนเพื่อทำงานรับใช้พระศาสนาและประเทศชาติ
#ยุคที่มีการเรียกร้องให้ยกเลิกสมณศักดิ์
“เปรียญสิบ” เคยเสนอกับความเห็นต่อ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาสภาปฏิรูปแห่งชาติ คุณไพบูลย์ นิติตะวัน ว่า…
“สมณศักดิ์ยกเลิกไม่ได้”
เพราะสมณศักดิ์ ในทางการเมือง ถือว่า เป็นเครื่องมือเดียวที่เชื่อมโยงระหว่าง สถาบันสงฆ์และสถาบันพระมหากษัตริย์
และ “สร้างขวัญกำลังใจ” ในการที่จะทำงานของพระภิกษุสงฆ์
พระภิกษุถือว่าเป็นหน่วยงานประชาสัมพันธ์ที่ดียิ่งของสถาบันพระมหากษัตริย์ในการให้ชาวพุทธ แสดงความจงรักภักดีโดยผ่าน คำเทศน์และคำสอนอิงหลักธรรมะในพระพุทธศาสนา เช่น ทศพิธราชธรรม. ราชสังคหวัตถุ 4, ความเป็นสมมติเทพหรือพระโพธิสัตว์ ดังนี้เป็นต้น
และพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ของประเทศไทย ก็น้อมรับหลักธรรมะเหล่านี้มาปฎิบัติ
ในทางนามธรรม..ลักษณะคล้ายถ่วงดุลและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
ยุคหลัง ๆ ระบบสมณศักดิ์ ถูกกล่าวขานในทางลบค่อนข้างมากประเภท “สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน กินกัดเนื้อเหล็ก จนกร่อนขร้ำ, บาปเกิดแต่ตนคนเป็นบาป บาปย่อมทำโทษซ้ำใส่ผู้บาปเอง”
ในหลวงรัชกาลปัจจุบันจึง “ทรงเลือกถวายเฉพาะองค์” ตามที่พระองค์ทรงเห็นว่าสมควรและเหมาะสม
“ปรียญสิบ” ยังยึดถือคติความเชื่อของชนชั้นนำยุคโบราณที่ว่า
ทหารมีหน้าที่ป้องกันรั้วของประเทศ…ส่วนพระสงฆ์มีหน้าที่รักษาความสงบสุขของประชาชน??
……………………………….
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย “เปรียญ10” : [email protected]
ขอบคุณภาพเพจ : พัดยศ สมณศักดิ์พระสงฆ์ไทย