‘เศรษฐา’ ยินดี ‘ก้าวไกล’ ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่ง โยนกก.บห.เคาะจับมือ เชื่อไม่พลิกขั้วร่วมฝ่ายปชต. ยันไม่ถอดใจทางการเมือง ระบุการอยากช่วยประเทศชาติ ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรี หรือส.ส. มีหลายบทบาท ที่สามารถสู้ต่อไปได้
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 พ.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท. เดินทางเข้าที่ทำการพรรค พท. ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกลที่ได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 1 ว่า ต้องยอมรับว่าพรรคก้าวไกลมาที่หนึ่ง ก็ต้องดีใจด้วย ถือเป็นความต้องการของประชาชนที่ต้องการให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้ง
เมื่อถามว่าแนวโน้มที่พรรค พท. จะจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลมีมากน้อยแค่ไหน นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องให้กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เป็นคนตัดสิน แต่เรามาด้วยกันแล้วเป็นฝ่ายค้านด้วยกันแล้วก็คงเป็นแนวทางที่ถูกต้องและตนคิดว่าเป็นความต้องการของประชาชน
เมื่อถามย้ำว่าจะไม่มีการพลิกขั้วใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตามกติกามันชัดเจนอยู่แล้วฝากประชาธิปไตยชัดเจนอยู่แล้วที่ทำงานร่วมกันมา
เมื่อถามอีกว่าจะมีเงื่อนไขอะไรหรือไม่ที่ทำให้สถานการณ์พลิกไปจนสองพรรคไม่ได้จับมือกัน นายเศษฐา กล่าวว่า ตนว่าไม่น่าพลิกประชาชนพูดแล้ว ลงคะแนนเสียงแล้ว และชัดเจนทั้งสองพรรคเป็นฝ่ายประชาธิปไตยร่วมกันมาและพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายชนะ
เมื่อถามว่าท่าทีที่ชัดเจนเช่นนี้หากกก.บห.ไม่ได้มีมติออกมาเช่นนี้จะยอมรับในมติของกก.บห.หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ผมไม่ได้เป็นกก.บห. เป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ส่วนตัวผมชัดเจน และผมพูดหลายเวทีแล้วว่าฝ่ายไหนรวมกันแล้วเกินกึ่งหนึ่งของ 500 เสียง ถือเป็นชัยชนะของประชาชน และส.ว.เองก็น่าที่จะโหวตตามความต้องการของประชาชน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการโทรศัพท์พูดคุยหรือมีดีลลับใดๆ กับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และส่วนตัวไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของนายพิธาด้วย
เมื่อถามว่า ถึงตอนนี้ยังไม่ได้ถอดใจจากการเมืองใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนก้าวเข้ามาจากฝ่ายธุรกิจมาฝ่ายการเมืองก็อยากช่วยประเทศชาติ ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรี หรือส.ส. มีหลายบทบาท ที่สามารถสู่ต่อไปได้ วันนี้ก็ตื่น 7 โมงเช้าเข้าพรรคทันที ตนยอมรับกติกาอยู่แล้ว