‘กลุ่มปตท.’เคาะแผนลงทุนผลิตเชื้อเพลิง SAF ปลายปีนี้ เล็งดึงญี่ปุ่นร่วมทุน

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วน กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ของธุรกิจใหม่เป็น 30% ภายในปี 2573 หรือปี 2030 จากสิ้นปี 2565 มีสัดส่วน EBITDA ของธุรกิจใหม่อยู่ที่ 15%

โดยในปัจจุบันกลุ่มปตท. มีการลงทุนในธุรกิจใหม่เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่อยู่แผนการลงทุนก็มีอีกหลายโครงการ แผนการลงทุนผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพอย่างยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel–SAF) ก็เป็นหนึ่งแผนการลงทุนในอนาคตที่จะช่วยผลักดันให้สัดส่วน EBITDA ของธุรกิจใหม่ไปสู่เป้าหมายหรือเพิ่มเป็น 30%

นายประสงค์ อินทรหนองไผ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับ แผนการลงทุนตั้งโรงงานผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพอย่างยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel-SAF) ในขณะนี้ทางกลุ่มปตท. ซึ่งประกอบด้วย ปตท., บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน), บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอลจำกัด (มหาชน), บริษัท ไออาร์พีซีจำกัด (มหาชน), บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาและจัดทำแผนการลงทุน

พร้อมกันนี้ยังได้มีการเจรจากับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่นที่มีเทคโนโลยีในการผลิตเชื้อเพลิง SAF และพันธมิตรจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีวัตถุดิบน้ำมันพืชที่ใช้แล้วจากการทำอาหาร (Used Cooking Oil) และกากน้ำมันปาล์มที่เพียงพอต่อความต้องการในการผลิต เพราะในประเทศไทย Used Cooking Oil และกากน้ำมันปาล์มคาดว่าจะมีไม่เพียงพอต้องความต้องการในการผลิตเชื้อเพลิง SAF

“การศึกษาในเบื้องต้นพบว่าเทคโนโลยีที่เป็นไปได้มากที่สุด คือ เอา Used Cooking Oil และของเหลือทิ้งจากขบวนการผลิตน้ำมันปาล์ม หรือ กากน้ำมันปาล์ม มาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งคาดว่าในประเทศไทยมีวัตถุดิบไม่เพียงพอ โดยจะต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จากการศึกษาพบว่า Used Cooking Oil และกากน้ำมันปาล์มในอินโดนีเซียมีจำนวนมากในแต่ละปี ดังนั้นวัตถุดิบบางส่วนต้องนำเข้ามาจากประเทศอิโดนีเซีย” นายประสงค์ กล่าว

นายประสงค์ กล่าวว่า สำหรับแผนการลงทุนผลิตเชื้อเพลิง SAF คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปลายปี 2566 ทั้งเรื่องพันธมิตร งบลงทุน สัดส่วนการลงทุนระหว่างกลุ่มปตท. และพันธมิตรต่างประเทศ รวมถึงพื้นที่ตั้งโรงงาน โดยพื้นที่ตั้งโรงงานนั้นในเบื้องต้นดูในพื้นที่ของกลุ่มปตท. ในเขตจ.ระยอง หลังจากนั้นคาดว่าจะเริ่มเห็นการก่อสร้างโรงงานได้ในปี 2567 โดยกำหนดเดินเครื่องผลิตในปี 2570 หรือ 2027 นอกจากนี้การลงทุนตั้งโรงงานผลิตเชื้อเพลิง SAF นั้นยังเป็นการผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตและใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในเครื่องบิน ผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และการลงทุนในธุรกิจที่มีการปลดปล่อยคาร์บอนต่ำ (Decarbonization) อีกด้วย

ขณะเดียวกันองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil AviationOrganization : ICAO) และสมาคมการบินระหว่างประเทศ (InternationalAir Transport Association : IATA) ที่กำหนดเป้าหมายในปี 2027 ให้สายการบินทั่วโลกใช้เชื้อเพลิง SAF ประมาณ 10% ของปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานทั้งหมด นอกจากนี้ ICAO และ IATA ยังสนับสนุนให้อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050

…………………………..

คอลัมน์ : เข็มทิศพลังงาน

โดย ..“ไรวินทร์”

สนับสนุนคอลัมน์ โดย :  บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)