“บิ๊กป้อม” ยังไม่คุย “นายกฯ” เรื่องปรับครม. หลัง “3 รมต.กปปส.” พ้นเก้าอี้ ยัน 2 เก้าอี้เป็นโควตาพปชร. ไม่ใช่ของกปปส. ด้าน “สุชาติ” ปัดตอบย้ายกระทรวง บอกอยู่ที่ “บิ๊กตู่” ตัดสินใจ “วิษณุ” ชี้ส.ส.มีสิทธิกลับเข้าสภาได้หรือไม่ ต้องดูว่า ถูกจำคุกโดยหมายศาลหรือไม่
เมื่อวันที่ 25 ก.พ.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังศาลอาญาตัดสินคดีการชุมนุมของกลุ่มกปปส. และทำให้ 3 รัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการหารือกับนายกรัฐมตรีในเรื่องดังกล่าว ซึ่งการปรับครม.ก็ต้องปรับ แต่จะปรับอย่างไรอยู่ที่นายกฯ
เมื่อถามถึงเก้าอี้รัฐมนตรีของนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรมว.ศึกษาธิการ และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นโควตาของ กปปส. พล.อ.ประวิตร กล่าวสวนทันทีว่า “โควตา กปปส.ที่ไหน เป็นโควตาของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เขาอยู่พรรคพลังประชารัฐ” เมื่อถามว่า อย่างนี้แสดงว่าเอาใครมาแทนก็ได้ถ้าคนนั้นมีความเหมาะสมใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อยู่ที่ที่ประชุมพรรค พปชร.และแล้วแต่นายกฯ
เมื่อถามต่อว่า ครั้งนี้จะมีการสลับโควตากันหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “แล้วแต่คุณ จะสลับใครก็สลับเอาเอง” เมื่อถามอีกว่า รัฐมนตรีช่วยจะมีโอกาสได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการฯหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว
ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่าจะมีการย้ายกระทรวงหรือไม่ว่า “ไม่มี อยู่ที่นายกฯจะตัดสินใจ แต่ตรงนี้ก็ถือว่าดีแล้ว”
เมื่อถามว่า การปรับครม.ครั้งนี้จะกระทบถึงกระทรวงแรงงานหรือไม่ นายสุชาติ กล่าว่า ไม่ทราบ ขอให้รอก่อน เมื่อถามอีกว่าหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการพูดคุยกับแกนนำพรรคหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันอยู่
ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อว่างลง จำเป็นจะต้องรีบแต่งตั้งใหม่หรือไม่ว่า เรื่องนี้ไม่ยากอะไร กระทรวงศึกษามี รมช.อยู่ 2 คน ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เคยมีมติไปแล้วว่าหากรัฐมนตรีว่าการไม่อยู่ ก็ให้รัฐมนตรีช่วยมารักษาการตามลำดับ กรณีนี้คือคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ขึ้นมารักษาการ ส่วนกรณีรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ครม. เคยมีมติให้รมว.วัฒนธรรม รักษาการแทน จนกว่าเมื่อมีการประชุมครม.แล้ว นายกฯอาจจะสั่งการเป็นอย่างอื่นได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายกฯยังไม่ได้พูดคุยกับตนเรื่องการปรับครม.
เมื่อถามต่อว่า เอกสิทธิ์ของผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมสภาฯจะสามารถคุ้มครองผู้ที่เป็นส.ส.ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อย่าใช้คำว่า “เอกสิทธิ์” เนื่องจากมีเรื่องของ “เอกสิทธิ์” กับ “ความคุ้มกัน” คำว่า “เอกสิทธิ์” หมายถึงการพูดในสภาฯแล้วไม่ผิด ส่วน “ความคุ้มกัน” หมายความว่าในสมัยประชุมจะนำตัวไปดำเนินคดีอะไรไม่ได้ ถ้าปิดสมัยประชุมทำได้
เมื่อถามว่า คนที่เป็นส.ส. แล้วเข้าเรือนจำ จะถือว่าสิ้นสภาพความเป็นส.ส. เลยหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่พ้น เพราะยังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ และยังไม่ได้ถูกจำคุกโดยหมายของศาล แต่หากเป็นการเข้าเรือนจำโดยหมายของศาล การคุ้มครองในฐานะของส.ส. ก็จะหมดไป
เมื่อถามอีกว่าในกรณีที่คนเป็นส.ส.ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีจะสามารถอุทธรณ์ในประเด็นถูกตัดสิทธิทางการเมืองได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า การเป็นส.ส.ขาดแล้วก็ขาดไป แต่เรื่องสิทธิทางการเมือง ถ้าศาลพิพากษาว่าไม่เพิกถอนสิทธิทางการเมืองก็จะกลับมา นี่คือความรุนแรงของรัฐธรรมนูญในปัจจุบัน ถามต่อว่า บุคคลเหล่านั้นจะกลับมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ได้ แต่ต้องดูต่อไปว่า เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ บุคคลเหล่านั้นจะมีสิทธิ์หรือไม่ เช่น กรณีเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หากศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินว่าไม่ตัดสิทธิเลือกตั้ง ความเป็นส.ส. สิ้นสุดลงเวลานี้แต่สามารถสมัครในคราวหน้าได้