ทีทีบีแนะเอสเอ็มอี เร่งวางแผนปรับกลยุทธ์เพื่อขยายธุรกิจ รองรับเศรษฐกิจครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง พร้อมปล่อยเชื่อรถยนต์เพื่อธุรกิจ
น.ส.สุกัญญา ตรีเสน่ห์จิต รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าเอสเอ็มอี ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีทีบี กล่าวว่า จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ(ธปท.) คาดเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง 2566ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่องที่ 4.3% โดยมีปัจจัยหนุนจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามากว่า 16 ล้านคน ซึ่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีควรเร่งวางแผนและเตรียมปรับกลยุทธ์ เพื่อขยายธุรกิจรองรับการฟื้นตัวและความต้องการซื้อที่จะเพิ่มขึ้น
โดยทีทีบีในฐานะพันธมิตรของลูกค้าธุรกิจ พร้อมเป็นผู้ช่วยเสริมสภาพคล่อง และสร้างโอกาสในการขยายกิจการ ด้วย สินเชื่อรถยนต์เพื่อธุรกิจ ทีทีบี เอสเอ็มอี ที่ผู้ประกอบการสามารถสมัครสินเชื่อได้ในครั้งเดียว ลดภาระด้านเอกสารและความวุ่นวาย พร้อมซื้อรถเมื่อไหร่ค่อยเบิกใช้ได้ง่าย ๆ ครบ จบ ในที่เดียว
“นอกจากนั้นทีทีบี ยังมีทีมเจ้าหน้าที่บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าธุรกิจที่พร้อมเข้าพบผู้ประกอบการทุกบริษัททั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าของ ทีทีบี หรือไม่ก็ตาม เพื่อให้คำปรึกษา ช่วยวิเคราะห์ วางแผน และหาแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ ภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรที่ลูกค้าธุรกิจไว้วางใจให้ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ทั้งในวันนี้และอนาคต ผ่านดิจิทัลโซลูชันที่ครบครัน เพื่อช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้ดียิ่งขึ้นและเติบโตอย่างยั่งยืน”
นางศิริพรรณ์ ปรุงสิน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าสินเชื่อรถยนต์ธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารทหารไทยธนชาต กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่าผู้ประกอบการจำนวนมากต้องการเปลี่ยนและเพิ่มจำนวนรถยนต์เพื่อใช้ในธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์สำหรับผู้บริหาร ทีมงาน หรือ รถยนต์ที่ใช้เพื่อการขนส่ง แต่ยังมีความกังวลเรื่องการลงทุนด้วยเงินสดก้อนใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของธุรกิจ หรือ หากจะยื่นขอสินเชื่อก็มีขั้นตอนต่าง ๆ ยุ่งยากและเสียเวลา
ดังนั้น เพื่อรองรับกลยุทธ์การขยายธุรกิจของผู้ประกอบการ ทีทีบี จึงได้ออกแบบการขอสินเชื่อรถยนต์ไปพร้อมกับการยื่นขอสินเชื่อธุรกิจหลัก ทำให้ไม่เป็นภาระกับผู้ประกอบการและลดขั้นตอนต่าง ๆ ลง จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าธุรกิจที่มีความหลากหลาย โดยสินเชื่อรถยนต์เพื่อธุรกิจ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- สินเชื่อรถยนต์ (Hire Purchase) เหมาะสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ยังมีภาระหนี้และภาระภาษีไม่มากนัก มุ่งเน้นการสร้างทรัพย์สิน และลงบันทึกค่าเสื่อมราคาทางบัญชี ซึ่งเหมาะสำหรับการซื้อรถยนต์ที่ใช้ในกิจการราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท
- สินเชื่อรถยนต์แบบลีสซิ่ง (Leasing) เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่มีกำไรสูง ต้องการบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อลดอัตราส่วนกำไรและประหยัดภาษี หรือการซื้อรถยนต์ Luxury เพื่อผู้บริหาร
ทั้งนี้ สามารถยื่นขออนุมัติวงเงินเพียงครั้งเดียว และสามารถเบิกใช้ได้ตลอดระยะเวลาที่กำหนด โดยทยอยออกรถได้นานสูงสุด 12 เดือน เพิ่มความคล่องตัวให้กับผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง การขอสินเชื่อรถยนต์ไม่ต้องมีหลักประกันเพิ่ม อัตราดอกเบี้ยจูงใจ และต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อลงทุนในธุรกิจทั่วไป ดอกเบี้ยคงที่ตลอดอายุสัญญา และสามารถเลือกระยะเวลาผ่อนชำระค่างวดและค่าเช่ารถยนต์ได้ระหว่าง 36–60 เดือน