“วิษณุ” เตือนใครเสนอชื่อมีปัญหาขึ้นทูลเกล้าฯ ต้องรับผิดชอบ คนถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่เข้าชิงนายกฯไม่ได้ เบรกส.ส. จะยื่นช่อง รธน. ม. 82 ต้องรอก่อน
วันที่ 13 มิ.ย.2566 เวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหากนักการเมืองใดถูกฟ้องร้องดำเนินคดี แล้วได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด จะสามารถนำรายชื่อดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าได้หรือไม่ว่า ปกติการจะแต่งตั้งตำแหน่งใดก็ตาม เป็นพระราชอำนาจ กรณีแต่งตั้งข้าราชการประจำ ผู้พิพากษา อัยการ อธิบดี หรือการขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ได้มีข้อตกลงกับสำนักพระราชวังมา 2-3 ปีแล้ว ให้ตรวจเข้มงวดกวดขัน ถ้ามี ก็ให้กราบบังคมทูลขึ้นไป ว่ามีเหตุอย่างนี้อยู่ ส่วนจะโปรดเกล้าฯอย่างไร ก็แล้วแต่ คำตอบนี้เป็นคำตอบเดียวกัน
เมื่อถามว่า การทูลเกล้าฯชื่อนายกฯ ก็ใช้หลักการนี้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ใช่ครับ”
เมื่อถามว่า กระบวนการที่กล่าว มีเป็นกฎหมายหรือเป็นจารีตประเพณี นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องโปรดเกล้าเป็นพระราชอำนาจ เราก็ไม่ต้องไปสงสัยอะไรแล้ว แต่เราต้องกราบบังคมทูลขึ้นไป ว่าเกิดอะไรขึ้น และผู้ที่รับผิดชอบหากมีอะไรเกิดขึ้นคือผู้รับสนองพระราชโองการ กรณีเสนอชื่อนายกฯ ก็คือประธานรัฐสภา ไม่เช่นนั้นจะรับสนองทำไม การรับสนองคือการรับผิดชอบแทน เพราะสิ่งที่ทูลเกล้าฯไปต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบอย่างนั้น เหมือนกับสมัยก่อนโหวต พล.อ.อ.สมบูรณ์ ระหงส์ เป็นนายกฯ แต่นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานรัฐสภาสมัยนั้นไปเสนอชื่อนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกฯ นายอาทิตย์ก็รับผิดชอบไป ฉะนั้นประธานรัฐสภาฯก็ต้องดูแลให้ถูกต้องให้ดี ถ้าจะเบรกอะไร ก็เบรกในชั้นประธานรัฐสภาฯ
เมื่อถามว่า หากแคนดิเดตนายกฯคนใด ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ กรณีที่มีการร้องว่ามีลักษณะต้องห้ามการเป็นส.ส. และแคนดิเดตนายกฯ จะนำรายชื่อนั้นไปโหวตนายกฯได้หรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่า “ไม่ได้”
เมื่อถามย้ำว่า แม้คดีจะยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ยังไม่มีคำตัดสินออกมา จะไปโหวตได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวย้ำว่า ไม่ได้ เพราะเมื่อถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้วก็เข้าไปทำหน้าที่ไม่ได้ แล้วไปตั้งทำไม และชื่อนั้นไม่เสนอเข้ามา แต่ปกติศาลจะไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เร็วเกินไปต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร
เมื่อถามว่า การจะไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ว่าบุคคลใดมีลักษณะต้องห้ามจะใช้กฎหมายใด นายวิษณุ กล่าวว่า ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 82 ซึ่งผู้ที่ร้องได้คือ ส.ส.จำนวน 1 ใน 10 ของสภาฯหรือ 50 คน ซึ่งส.ส. โดยจะยื่นได้หลังมีการปฏิญาณตนเรียบร้อยแล้วถึงจะทำหน้าที่ได้ ส.ว. จำนวน 1 ใน 10 หรือ 25 คน เพราะส.ว.สามารถลงชื่อเพื่อตรวจสอบส.ส. ส.ว. รวมถึงรัฐมนตรีได้ โดยยื่นผ่านประธานรัฐสภา เมื่อมีการเลือกกันแล้ว และอีกช่องทางหนึ่งคือกกต.เป็นผู้ยื่น
เมื่อถามว่า การที่กกต.จะฟ้องใครด้วยความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 151 จะฟ้องช่องทางใด นายวิษณุ กล่าวว่า ตามมาตราดังกล่าว ต้องไปช่องทางศาลอาญา และไม่มีขั้นตอนการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่มาตรา 151 เป็นที่มาของทุกเรื่อง ถูกต้องแล้วที่ไม่รับเรื่องอื่น เพราะเมื่อ 151 ออกมาแล้ว คุมหมดทุกอย่าง แต่กระบวนการนี้ใช้เวลานาน เพราะใช้กระบวนการยุติธรรมปกติ