ณ เวลานี้…คงต้องพักเรื่องร้อนๆ ทางการเมืองของไทยไว้สักระยะ แล้วหันมาลุ้น หันมาส่งกำลังใจ กับผลการตัดสินการเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo 2028 ว่า…ประเทศไทยจะได้รับชัยชนะ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานครั้งนี้หรือไม่
โดยในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ คณะผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะไปนำเสนอความพร้อมของประเทศไทยเป็นครั้งสุดท้ายในที่ประชุมสมัชชาใหญ่ขององค์การนิทรรศการนานาชาติ หรือ “บีไออี” ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ประเทศไทยได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน โดยเสนอให้จังหวัดภูเก็ต เป็นสถานที่จัดงาน ภายใต้ชื่องาน Expo 2028-Phuket, Thailand โดยจะนำเสนอกรรมการโดยเน้นเป้าหมายของการจัดงาน ใน 3 ด้าน คือ การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับนานาชาติ การมีระบบนิเวศสวนสาธารณะที่ยั่งยืน และมีสถานที่อำนวยความสะดวกในการจัดงานต่างๆ
ทั้งหลายทั้งปวง!! ก็เพื่อผลักดันบทบาทของประเทศไทยและจังหวัดภูเก็ต ให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ หรือ Medical Hub และเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก
ในช่วงที่ผ่านมา สารพัดหน่วยงาน ทั้งสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ จังหวัดภูเก็ต หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาสังคมและประชาชน ร่วมกันเตรียมการกันมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมออกเดินสายชักชวนให้ทุกหน่วยงานช่วยกันส่งแรงเชียร์
ขณะเดียวกันตั้งแต่ต้นปี หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างเร่งหาเสียงแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย โดยเข้าพบกับสถานทูตในประเทศต่างๆ ที่มีเป้าหมายร่วมงานกับไทย อย่างต่อเนื่อง
หลังการนำเสนอความพร้อมแล้ว ประเทศสมาชิก บีไออี 124 ประเทศ จากทั้งหมด 171 ประเทศ จะโหวตเลือกเมืองที่จะได้เป็นเจ้าภาพ ก่อนจะประกาศผลอย่างเป็นทางการ ซึ่งคู่แข่งสำคัญของไทย มีทั้ง สหรัฐฯ เซอร์เบีย สเปน และอาร์เจนติน่า
ในเบื้องต้นพบว่า เวลานี้มีสมาชิกหลายประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียและยุโรปบางส่วน ได้ยืนยันที่จะโหวตเลือกประเทศไทย นั่นหมายความว่า… ประเทศไทยยังคงมีความหวังที่สูงในการรับชัยชนะ
การเสนอตัวครั้งนี้ประเทศไทยใช้ธีม Future of Life : Living in Harmony, Sharing Prosperity ชีวิตแห่งอนาคต-แบ่งปันความรุ่งเรือง อยู่ร่วมกันเป็นหนึ่ง ด้วยงบประมาณ 4,180 ล้านบาท มีระยะเวลาจัดงาน 3 เดือน คือระหว่างวันที่ 20 มี.ค.-17 มิ.ย.2571 บนพื้นที่ 141 ไร่ ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
มีการประเมินกันว่า หากไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษนี้ จะสร้างประโยชน์ให้กับประเทศในทุกระดับ เพราะประเมินว่าจะมีผู้เข้าชมงานทั้งคนไทยและต่างชาติรวมกว่า 4.92 ล้านคน ทำให้เกิดเงินสะพัดกว่า 49,231 ล้านบาท ช่วยเพิ่มมูลค่าของจีดีพีกว่า 39,357 ล้านบาท มีรายได้จากการจัดเก็บภาษีกว่า 9,512 ล้านบาท และยังมีการจ้างงานเกิดขึ้นกว่า 113,439 ตำแหน่ง
ไม่เพียงเท่านี้!! ยังเป็นการพัฒนาเมืองของจ.ภูเก็ตและจังหวัดในกลุ่มอันดามัน ทั้ง กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสุราษฎร์ธานี พร้อมเพิ่มโอกาสการกระจายรายได้ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ที่ผ่านมา ประเทศไทยเข้าร่วมงานเอ็กซ์โปนี้ตั้งแต่ปี 1862 มีส่วนสำคัญในการจัดงานมาตลอด แต่เมื่อปี 2565 เป็นปีแรกที่ไทยเสนอเป็นเจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โปนานาชาติครั้งใหญ่
การที่ทางการได้เลือกให้ภูเก็ตเป็นที่จัดงาน เพราะภูเก็ตมีความเป็นเอกลักษณ์ ที่ทุกอย่างสามารถเข้าถึงได้ง่าย และยังเป็นเมืองอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่สำคัญ พร้อมโครงสร้างพื้นฐานที่ครบครัน
ก่อนหน้านี้รัฐบาลของ “ลุงตู่” ได้ไฟเขียวงบประมาณลงทุน 4,180 ล้านบาท สำหรับการจัดงานนี้ เมื่อวันที่ 16 พ.ย.64 ขณะเดียวกัน ยังจะมีการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับเพิ่มเติมด้วย เช่น การขยายถนนน อุโมงค์ป่าตอง ระบบรถไฟฟ้ารางเบาเพื่อรองรับการเดินทางในจุดต่าง ๆ ขยายโครงข่ายถนน เป็นต้น
คงไม่สามารถคาดเดากันได้ว่า…ไทยจะแจ็กพอตได้รับเลือกหรือไม่ เพราะคู่แข่งทั้ง 4 ประเทศ ต่างก็มีศักยภาพที่แตกต่างกัน แถมยังมีงบประมาณ มีบุคคลากร มีพาร์ทเนอร์ และอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่มากกว่า
แต่ไทยก็มีจุดแข็งในเรื่องของเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ ไม่น้อยเช่นกัน และยังเป็นพันธมิตรกับหลายประเทศ รวมถึงให้ความสำคัญและเข้าร่วมงานของบีไออีมาโดยตลอด
ขณะเดียวกันทั้ง “ลุงตู่” และว่าที่นายกฯคนที่ 30 อย่าง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ต่างก็ออกตัวเชิญชวนให้คนไทยทั้งประเทศร่วมกันส่งแรงเชียร์ เพื่อให้ไทยได้รับชัยชนะในครั้งนี้
แต่ทั้งหลายทั้งปวง ก็คือความไม่แน่นอน ซึ่งต้องมาลุ้นกันว่าในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ ไทยจะได้รับ ความไว้วางใจจากประเทศสมาชิก BIE ให้จัดงาน Specialised Expo 2028 หรือไม่
……………………….
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo
สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)