วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“สองขั้ว”ยกฮ่องกงโมเด็ลเตือนสติม็อบ ‘โดนยุให้สู้-พอแพ้ก็ทิ้ง-ขอลี้ภัยก็ไม่รับ’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สองขั้ว”ยกฮ่องกงโมเด็ลเตือนสติม็อบ ‘โดนยุให้สู้-พอแพ้ก็ทิ้ง-ขอลี้ภัยก็ไม่รับ’

คนละขั้วความคิด แต่หยิบยก “ฮ่องกงโมเด็ล” เตือนสติ “ม็อบร้อยชื่อ” ตรงกัน “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” แนะให้ดูม็อบตี๋ฮ่องกงเป็นตัวอย่าง โดนยุให้สู้ พอแพ้ก็ทิ้ง​ ลี้ภัยก็ไม่รับ​ ชี้อย่าเผาบ้านตัวเอง​ เพื่อสนองความใคร่คนอื่น ขณะที่ “โบว์-ณัฏฐา” ก็ยกเคสเดียวกันเตือนใจ ก่อจลาจลใช้ความรุนแรง สุดท้ายก็ถูกลืมจากนานาชาติ

เมื่อวันที่ 2 มี.ค.64 นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า…”จงภูมิใจเถิดที่เกิดเป็นไทย นับวันม็อบร้อยชื่อก็จะรุนแรงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล​ ต้องหาเรื่องปะทะกับตำรวจทุกครั้งที่ออกมาชุมนุม​ ล่าสุด​ 28​ กุมภาพันธ์​ 64​ จะบุกไปบ้านพักลุงตู่ที่ราบ​ 1 อยากเข้าไปข้างในกรมทหารเลยหรือไง​ แสดงพลังด้านนอกกรมทหารไม่พอหรือต้องรื้อคอนเทนเนอร์ที่ตำรวจอุตส่าห์ตั้งแนวไว้​ หากไม่รุนแรงก่อน​ มีหรือที่ตำรวจจะกล้า​ ใช้รถฉีดน้ำ แก๊ซน้ำตาหรือกระสุนยาง​ เพื่อยับยั้งม็อบไม่ให้รุนแรงเกินเหตุ​

แกนนำอีแอบอาจบอกว่า​ ไม่รุนแรง​ แค่ฉี่รดหัวตำรวจ​ ไม่ถึงตาย​ ลองมายืนให้คนอื่นฉี่รด ไม่ต้องรดหัวแค่เฉี่ยวๆ ก็ได้​ ดูซิว่าจะทนได้มั้ย มีข้อสังเกตนะ​ พัฒนาการของม็อบมันซ้ำรอย​ เลียนแบบฮ่องกงยังกับมาจากพิมพ์เดียวกัน​ ธงชาติที่ถือ​ ล้วนธงที่อยากแยกตัวออกจากจีนทั้งสิ้น​ มีอะไรเกี่ยวข้องกับการต่อต้านจีนของม๊อบร้อยชื่อมั้ย​ หรือรับโจทย์ชาติตะวันตกมา

ทำไมถึงวิเคราะห์อย่างนั้น​ ความวุ่นวายทางการเมืองในแถบนี้​ มีความคล้ายกับแบบที่เกิดในกลุ่มรัฐอิสลาม​ ที่ฝรั่งเรียก Arab Spring ส่วนแถบเอเชีย​ ฝรั่งตั้งชื่อว่า​ Tea Milk Spring ขบวนการชานม คลุมทั้งฮ่องกง​ ไต้หวัน​ พม่า​และไทย​ เดินตามแนวเดียวกันหมด​ ยังกะคนเขียนบทเป็นคนๆ เดียวกัน อยากเตือนสติ​ ฝรั่งตะวันตกเชื่อใจไม่ได้​ ไม่เคยเห็นคนผิวเหลืองอย่างพวกเราเป็นเพื่อน วันที่ประเทศไทยจะก้าวเป็นเสือตัวที่ห้า​ ไอ้จอร์จก็มาทุบค่าเงินบาทจนติดดิน​ มหามิตรบาทเดียวก็ไม่ช่วย แถมส่งทุนตะวันตกมาฮุบของถูก​ เอาไปขายแบ่งสมบัติกัน ดูตี๋ฮ่องกงเป็นตัวอย่าง มันยุให้สู้ พอแพ้ก็ทิ้ง​ ลี้ภัยก็ไม่รับ​ อย่าเผาบ้านตัวเอง​ เพื่อสนองความใคร่คนอื่น จงภูมิใจที่เป็นคนไทย”

อีกด้านหนึ่ง น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ “โบว์” นักกิจกรรมนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Bow Nuttaa Mahattana ว่า “ม็อบฮ่องกงเคยประสบความสำเร็จ …เมื่อผู้ชุมนุมเริ่มต้นการประท้วงต่อต้านกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนั้น ม็อบฮ่องกงได้รับความสนใจจากนานาชาติและมีความชอบธรรมสูงในสายตาประชาคมโลก ภาพการปราบปรามเยาวชนอย่างรุนแรงโดยตำรวจถูกเผยแพร่ไปทั่ว กราฟแห่งการต่อสู้อยู่ในขาขึ้นที่เรียกกันว่า “กระแสสูง” จนในที่สุดทางการฮ่องกงยอม “ถอย” ถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกจากการพิจารณา ข้อเรียกร้องหลักได้รับการตอบสนอง แม้ข้อเรียกร้องย่อยเรื่องการปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมดำเนินคดีและสิทธิในการเลือกผู้ปกครองตนเองจะยังคงอยู่

จุดเปลี่ยนของม็อบน่าจะเริ่มจากเหตุการณ์บุกรัฐสภา ต่อด้วยการบุกห้างสรรพสินค้า สนามบิน และการจลาจลในจุดต่างๆ กับข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมที่ “ยกระดับ” ขึ้นอย่างรวดเร็วสู่คำว่า การประกาศอิสรภาพแบ่งแยกดินแดนจากจีน พร้อมๆ กับเสียงของคนเห็นต่างในประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับทั้งข้อเรียกร้องและวิธีการเริ่มดังขึ้น ภาพของการปะทะและการใช้ความรุนแรงระหว่างประชาชนด้วยกันเริ่มมีให้เห็น ในขณะที่การปราบปรามโดยรัฐก็ไม่ได้ลดน้อยลง

รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนตัดสินใจฉวยจังหวะนี้ใช้ “ยาแรง” ออกกฎหมายความมั่นคง National Security Law ที่มีบทลงโทษรุนแรงต่อผู้ต่อต้านรัฐบาล แกนนำส่วนหนึ่งลี้ภัยไปอังกฤษ ไต้หวัน คนที่อยู่ถูกตัดสินคดีเก่าลงโทษจำคุก บุคคลสำคัญในฝ่ายต่อต้านถูกคุกคามโดยกฎหมายใหม่ การเคลื่อนไหวถูกปราบอย่างราบคาบ พร้อมๆ กับที่เสียงสนับสนุนจากนานาชาติเงียบลง มวลมหาประชามิตรหันไปสนใจพม่าแทน

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img