ตร.จ่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ “1 หญิง-2 ชาย” คดีเผาป้ายหน้าเรือนจำคลองเปรม “เลขานุการรมว.ยธ.” ยอมรับรถที่ก่อเหตุเกี่ยวข้องกับ “แม่นักร้องคนดัง” ที่เข้าร่วมม็อบและมีคดีความ
กรณีการวางเพลิงป้ายและทำลายทรัพย์สิน บริเวณหน้าเรือนจำคลองกลางเปรม ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้เข้าแจ้งความที่สน.ประชาชื่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด จนพบว่า มีกลุ่มบุคคลที่ก่อเหตุเผาทำลายทรัพย์ เป็นชาย 2 ราย และหญิง 1 ราย โดยผู้หญิงทำหน้าที่ถ่ายภาพเพื่อเผยแพร่ลงโซเชียลหลังก่อเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบเลขทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าว พบว่ามีชื่อ “แม่ของนักร้อง” ที่ออกมาร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มแกนนำราษฎร เป็นผู้ครอบครอง
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 2 มี.ค.64 ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า บ่ายวันนี้ทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางไปขออนุมัติจากศาล เพื่อออกหมายจับ 3 คน ที่ก่อเหตุเผาป้ายหน้าเรือนจำคลองเปรม โดยบุคคลที่กระทำการนั้น ชายสองคนทำหน้าที่ราดน้ำมันและจุดไฟเผา ส่วนผู้หญิงทำหน้าที่ถ่ายคลิป ซึ่งเรื่องนี้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เกาะติดเรื่องนี้ตลอดเวลา และยอมรับว่า แนวทางการสืบสวนพบว่า รถคันดังกล่าวที่ก่อเหตุเกี่ยวข้องกับแม่ของนักร้องชื่อดังที่ร่วมชุมนุม โดยนักร้องดังคนดังกล่าวมีบทบาทในม็อบเป็นระยะๆ และอยู่ระหว่างการประกันตัวจากคดีต่างๆ ในเวลานี้
สำหรับกรณีดังกล่าว กรมราชทัณฑ์ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับสน.ประชาชื่นแล้ว 3 ข้อหา คือ 1.วางเพลิงเผาทรัพย์ 2.บุกรุกสถานที่ราชการ และ 3.มาตรา 112 เพราะเป็นการเผาพระบรมฉายาลักษณ์ และขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังขออนุมัติหมายศาลเพื่อออกหมายจับ
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการติดตามกรณีคนร้ายวางเพลิงป้ายและทำลายทรัพย์สิน บริเวณหน้าเรือนจำกลางคลองเปรมว่า หลังจากที่กรมราชทัณฑ์ไปแจ้งความเอาผิดกับผู้กระทำผิดและตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ทางตำรวจได้เก็บหลักฐาน ภาพกล้องวงจรปิดของเรือนจำ ที่สามารถจับภาพคนร้ายได้ มีผู้ต้องสงสัย 3 คนเป็น ชาย 2 หญิง 1 โดยการตามภาพจากกล้องวงจรปิดไปจนถึงที่พักและพบว่ามีความเชื่อมโยงทางการเมือง ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมหลังจากที่ได้ทราบถึงกลุ่มบุคคลที่ลงมือก่อเหตุวางเพลิง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนจึงได้สั่งการให้คณะทำงานเฉพาะกิจชื่อว่า คณะทำงานพาลีปราบยาของกระทรวงยุติธรรม ช่วยทำการสืบสวนเชิงลึกในกรณีดังกล่าว ทำให้ในขณะนี้เราได้ข้อมูลสำคัญที่ทำให้ทราบถึงตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุดังกล่าว รวมถึงได้ข้อมูลสำคัญที่ทำให้ทราบถึงบุคคลและกลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการเผยแพร่ภาพดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือเผยแพร่ในโซเชี่ยลมีเดียด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถออกหมายจับดำเนินคดีได้ทั้งกลุ่มผู้ลงมือ กลุ่มผู้ร่วมขบวนการและตัวการสำคัญในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
