”พล.อ.ประวิตร”ลงพื้นที่จ.สระแก้วติดตามคืบหน้าเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน หวังยกระดับเศรษฐกิจชายแดนและลดผลกระทบสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา
เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.66 ที่ด่านศุลกากรอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ประชุมเตรียมความพร้อมรับการเปิดจุดผ่านแดนถาวร สะพานมิตรภาพ ไทย-กัมพูชา (หนองเอี่ยน-สตึงบท) และติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่
โดยรับฟังภาพรวมสรุป ความก้าวหน้าการเตรียมความพร้อมรับการเปิดจุดผ่านแดนถาวร สะพานมิตรภาพ ไทย-กัมพูชา (หนองเอี่ยน-สตึงบท) ณ ด่านศุลกากรอรัญประเทศ มีความคืบหน้าแล้วกว่าร้อยละ 40 อยู่ระหว่างเร่งก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน ส.ค.68 ปัจจุบันมีการนำเข้า-ส่งออก การค้าผ่านจุดผ่านแดนชั่วคราวดังกล่าว เฉลี่ยเดือนละ 7,800 ล้านบาท รถสินค้าผ่านแดนกว่า 700 คัน ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและการจราจรบริเวณด่านพรมแดนคลองลึก ที่เคยคับแคบมีความคล่องตัวมากขึ้น
พล.อ.ประวิตรได้กล่าวขอบคุณทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายไทย และกัมพูชา ที่ร่วมขับเคลื่อนการบริหารงานและการก่อสร้างจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่ สะพานมิตรภาพ บริเวณบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ร่วมกัน โดยย้ำว่า จุดผ่านแดนถาวรดังกล่าว มีความสำคัญต่อการขยายตัวของพื้นที่เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะ จว.สระแก้ว รวมทั้งเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศในภาพรวม โดยกำชับ ขอให้ทุกส่วนราชการ ให้ความสำคัญเร่งรัดทำงานร่วมกันและประสานการปฏิบัติกับกัมพูชาอย่างใกล้ชิด ในการเตรียมความพร้อมทุกด้าน ทั้งระบบอำนวยความสะดวกคนเข้าเมือง และการผ่านสินค้าให้สามารถเปิดทำการได้อย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อยกระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศไปพร้อมกัน
ต่อจากนั้น ได้เดินทางต่อไปตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำ อ.วัฒนานคร ณ อ่างเก็บน้ำแซร์ออ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และพบปะประชาชนในพื้นที่ โดยรับฟังการบรรยายสรุป ความคืบหน้าโครงการแก้ปัญหาคลองพรมโหด การก่อสร้างระบบส่งน้ำและอาคารประกอบโครงการอ่างเก็บน้ำแซร์ออ ซึ่งมีพื้นที่รับน้ำ 14.85 ตร.กม. พื้นที่รับประโยชน์ 5,065 ไร่ หากดำเนินการแล้วเสร็จทั้งสองโครงการ จะสามารถบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ราบลุ่มตอนล่าง ต.ท่าข้าม เทศบาลเมืองอรัญประเทศ จว.สระแก้ว และเป็นแหล่งเก็บกักน้ำสำหรับการเกษตร และอุปโภค บริโภคของประชาชนในพื้นที่
พล.อ.ประวิตรยังได้ย้ำ ขอให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เตรียมมาตรการรับมือฤดูฝนปี 66 โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงทุกกลุ่มให้เร็วและครอบคลุมทุกด้าน สำหรับการบริหารจัดการน้ำอ่างเก็บน้ำแซร์ออ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ขอให้กรมชลประทาน เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนด เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง จว.สระแก้ว ขณะเดียวกัน ขอให้เร่งรัดดำเนินการพัฒนาลุ่มน้ำพรมโหด ตามโครงการที่ได้ศึกษาออกแบบไว้เป็นการเร่งด่วน เพื่อบรรเทาปัญหาและลดความเสียหาย ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยขอให้หน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงดูความร่วมมือในการบริหารจัดการน้ำกับกัมพูชา ซึ่งการก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองพรมโหด พร้อมสถานีสูบน้ำ จะช่วยแก้ปัญหาน้ำหลากจากไทยไปยังกัมพูชา และลดผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้