“ส.อ.ท.” เผย 25 อุตสาหกรรมกำลังการผลิตลดลง รับผลกระทบจากส่งออกทรุด เร่งหาแนวทางช่วยเหลือด่วน หลังจากที่ผู้ประกอบการเริ่มลดกะการทำงาน คงการผลิตเพื่อไม่ให้ธุรกิจปิดกิจการ
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ส.อ.ท.ยู่ระหว่างประเมินแนวทางและมาตรการในการช่วยเหลือ 25 กลุ่มอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากตลาดส่งออกที่ชะลอตัว เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก หลังคาและอุปกรณ์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องจักรกลและโลหะการ สิ่งทอ รองเท้า อัญมณีและเครื่องประดับ แก้วและกระจก คาดว่าจะสรุปได้ในเร็ววันนี้
ขณะเดียวกันทางคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ประเมินทิศทางการส่งออกของไทยปี 2566 ที่จะเติบโตระดับ 0% ถึงติดลบ 1 % เนื่องจากตลาดส่งออกของไทยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้กำลังซื้อตกต่ำลงทั่วโลก
โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าของไทยทั้งตลาดสหภาพยุโรป ตลาดเอมริกา และตลาดในกลุ่มเอเชีย สะท้อนจากการส่งออกของไทยเดือนพ.ค.ที่ปรับลดลงต่อเนื่อง 8 เดือนทำให้ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบในแง่ของกำลังการผลิตที่จะต้องปรับลดลงตามคำสั่งซื้อเช่นกัน
“กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวส่วนใหญ่เน้นผลิตเพื่อส่งออก แต่มีบางบริษัทที่ทำการผลิตรองรับกับตลาดภายในประเทศซึ่งผู้ประกอบการพยายามคงกำลังการผลิตของโรงงาน เพื่อไม่ให้โรงงานปิดตัวไม่เช่นนั้นอาจจะกระทบต่อแรงงานได้ และเป็นการผลิตเพื่อรักษาสต็อกสินค้า และเริ่มทยอยปรับลดกะการทำงาน ปรับลดค่าล่วงเวลาบ้างแล้ว”นายเกรียงไกร ระบุ
ทั้งนี้ในไตรมาส 4/66 คาดว่าอุตสาหกรรมน่าจะได้รับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ ที่อาจจะดันกำลังการผลิตขึ้นมาได้ ซึ่งผู้ส่งออกต้องมองหาตลาดใหม่ทดแทนตลาดที่กำลังซื้อถดถอย โดยเฉพาะตลาดที่มีอนาคตอย่างกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับหรือ GCC กลุ่มเอเชียใต้ และกลุ่มเอเชียกลาง ขณะเดียวกันอยากให้รัฐบาลไทยเร่งเดินหน้าทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรือ FTA ไทยและ GCC ซึ่งจะช่วยผลักดันให้สินค้าอุตสาหกรรมไทยกระจายไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น