‘ธาริต’ นอนคุกคืนแรก ราชทัณฑ์แยกรักษาหอผู้ป่วยวัณโรค หลังพบประวัติรับยาระยะเข้มข้น อีกทั้งป่วยสะพัด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
จากกรณี ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อัตราโทษ 2 ปี ไม่รอลงอาญา ในคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหาสั่งฆ่าประชาชนแก่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะอดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. และศาลยังได้มีการพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2-4 เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวนายธาริต ก่อนนำตัวไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 11 ก.ค. นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่วานนี้ (10 ก.ค.) เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้รับตัวนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ คดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่และความผิดต่อเจ้าพนักงานยุติธรรม ไว้ในการควบคุมของกรมราชทัณฑ์ ตนได้รับรายงานจากนายนัสที ทองปลาดผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับการรับตัวนายธาริตไว้ในการควบคุมว่า ทางเรือนจำฯ ได้ดำเนินการตามมาตรฐานการปฏิบัติงานควบคุมผู้ต้องขัง (SOPs) ในกระบวนการรับตัวผู้ต้องขังแรกเข้า โดยมีการตรวจร่างกายผู้ต้องขังเข้าใหม่ สอบประวัติเบื้องต้น พบว่ามีโรคประจำตัวหลายโรค ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะหยุดหายใจขณะหลับใช้เครื่องช่วยหายใจ (CPAP) และพบประวัติการรักษาวัณโรคปอด โดยอยู่ในการรับยารักษาระยะเข้มข้นซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่สามารถแพร่เชื้อต่อผู้ต้องขังรายอื่นภายในเรือนจำ
โฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยอีกว่า จากข้อมูลข้างต้นร่วมกับผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอื่นร่วมหลายโรค เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จึงได้ส่งตัวไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ในวันนี้ (11 ก.ค.) โดยแพทย์ได้พิจารณารับตัวให้รักษาตัวห้องแยกโรค หอผู้ป่วยวัณโรค ของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อให้การรักษาจนอยู่ในระยะปลอดภัยไม่แพร่กระจายเชื้อ ลดความเสี่ยงแพร่เชื้อต่อผู้ต้องขังรายอื่น เนื่องจากภายในเรือนจำเป็นพื้นที่ปิดที่มีความแออัดและเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ
ทั้งนี้ โฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณฑ์ได้มีการปฏิบัติต่อนายธาริต เช่นเดียวกับผู้ต้องขังทั่วไป มิได้มีสิทธิพิเศษเหนือกว่าผู้ต้องขังรายอื่นๆ ถึงแม้จะเคยเป็นบุคคลสำคัญทางสังคม มิได้มีห้องพิเศษสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพื่ออำนวยความสะดวกแต่อย่างใด กรมราชทัณฑ์ยังคงควบคุมผู้ต้องขังทุกรายอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน โดยปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามหลักสิทธิมนุษยชน.