‘เศรษฐา’ ชี้ปากท้องปชช.ต้องมาก่อนความขัดแย้งการเมือง เชื่อมั่น 8 พรรคร่วมดัน ‘พิธา’ เป็นนายกฯ จนสุดทาง รับหงุดหงิด-โกรธหลังโดนโยงขึ้นนายกฯแทน
เมื่อวันที่ 16 ก.ค.66 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท. เปิดเผยว่า พรรค พท. ต้องเดินหน้าไม่ว่าจะเป็นแกนนำหรือส่วนหนึ่งของรัฐบาล เพราะเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องใหญ่ ปากท้อง ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดต้องเร่งจัดการ ดังนั้นต้องเร่งมาตรการต่างๆ หากเป็นรัฐบาลได้ดูแลในกระทรวงที่ได้รับมอบหมาย ก็จะเร่งผลักดันมาตรการต่างๆ ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งแรก ต้องระงับความเดือดร้อนของประชาชนถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ขณะนี้เลือกตั้งจบ 2 เดือน แต่ยังไม่ได้นายกฯ และประชาชนมีความเอือมระอา
เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองในตอนนี้ แล้วกระบวนการเลือกนายกฯควรจะเร่งเดินหน้าต่อไปจากนี้หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ได้ติดตามว่าคาร์ม็อบวันนี้จะมีคนมาร่วมมากหรือน้อย ซึ่งพรรคร่วมจะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ (17 ก.ค.) คงจะมีข้อสรุปได้อย่างชัดเจน ส่วนตัวขอยืนยันว่าเราอยู่ใน 8 พรรคร่วมที่สนับสนุนนายพิธาจนสุดทาง
เมื่อถามว่า รู้สึกตกใจหรือไม่เมื่อมีคนเสนอชื่อเป็นนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจแต่หงุดหงิดและโกรธนิดหน่อย เพราะตนไม่เคยพูด ไม่เคยกล่าวถึงอะไรเลย เจอนักข่าวประจำไม่เคยหลบหรือซ่อน ใครมีอะไรก็ถามตนได้ตลอด ยืนยันว่าไม่เคยพูด ต้องให้เกียรติ 8 พรรคร่วมและพรรคก้าวไกล
เมื่อถามว่า ได้ติดตามคลิปที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ประกาศว่า หากตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จก็พร้อมเปิดทางให้พรรค พท. นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ได้ติดตาม แต่เห็นว่านายพิธาพูดว่า เคลียร์แล้วเคลียร์ได้ แต่ตนไม่ทราบความจริง และเราก็ขอเป็นกำลังใจให้
เมื่อถามว่า ตลาดหุ้นขณะนี้ดีขึ้นจากกระแสข่าวว่าพรรค พท. อาจจะเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายเศรษฐา กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์เป็นตัวชี้นำของความมั่นใจ ตนไม่อยากเข้าข้างใคร แต่การกระเตื้องขึ้นของตลาดหุ้นนั้นเป็นเรื่องของการคลายกังวลที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วขึ้น เพราะกว่า 2 เดือนแล้วที่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการจัดตั้งรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อที่จะจัดสรรงบประมาณปี 67 ให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะงบปี 67 จะเริ่มที่เดือนต.ค.มีเวลาไม่ถึง 3 เดือน หากเราจัดตั้งรัฐบาลได้ภายใน 15 ส.ค. จะได้ใช้จริงวันที่ 15 มี.ค.ปีหน้า ถือว่าช้ามาก เป็นห่วงปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชนมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภัยแล้งหรือหนี้สิน ควรให้ความสำคัญมากกว่าการเมือง
เมื่อถามว่า พรุ่งนี้ (17 ก.ค.) 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะประชุมหารือจะมีการกำหนดแผน 2 หรือไม่ ถ้าการประชุมรัฐสภาวันที่ 19 ก.ค.นี้ ชื่อของนายพิธาอาจถูกตีตก นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเจรจา คาดว่าพรุ่งนี้ช่วงบ่ายผลสรุปก็คงจะออกมา ตนเคารพการตัดสินใจของทั้ง 8 พรรค
เมื่อถามถึงกรณีที่นายพิธาโพสต์อินสตราแกรมมีภาพคู่กับนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวไกล และแท็กน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีพรรค พท. ด้วย นายเศรษฐา กล่าวว่า ช่วงนั้นดึกหรือยัง ถ้าเที่ยงคืนตนคิดว่าทุกคนถ้าเครียดก็ต้องไปสังสรรค์เป็นธรรมดา ชีวิตต้องเดินต่อไป เรื่องการเมืองกับชีวิตส่วนตัวเป็นคนละเรื่อง เราเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ขอส่งกำลังใจให้กัน