ประเทศไทยประกาศจุดยืนบนเวทีระดับโลกทิ้งทวนปลายปี 68ด้วยการผนึกกำลังครั้งสำคัญของกระทรวงการต่างประเทศจับมือสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ จัดประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยหุ้นส่วนระดับโลก เพื่อต่อต้านอาชญากรรมหลอกหลวงทางอินเทอร์เน็ต
มีระดับขุนพลเป็นผู้แทนระดับรัฐมนตรี จากรวันดา เมียนมา อินโดนนีเซีย อินเดีย จีน ซูดานใต้
เวียดนาม ลาว และศรีลังกา มีผู้แทนระดับสูงจาก 58 ประเทศ ทั้งสหภาพยุโรป 5 องค์กรระหว่างประเทศ
ภาคประชาสังคม ภาควิชาการเข้าร่วม
แต่ที่เป็นจุดสังเกตสำคัญ คือไร้เงาตัวแทนจากศูนย์กลางสแกมเมอร์โลกอย่างกัมพูชา
ไม่ยอมส่งคนเข้าร่วม
การไม่เข้าสังฆกรรมครั้งนี้ย่อมถูกมองว่าอุปสรรคใหญ่กวาดล้างฐานปฏิบัติการในภูมิภาคงานนี้เป็นการส่งสัญญาณแห่งความหวังครั้งใหม่ของประเทศไทย

ยกระดับปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ให้เป็นวาระระดับโลก โดยเปลี่ยนผ่านจากต่างคนต่างทำ
สู่พลังพหุภาคี “ไม่มีประเทศใดแก้ปัํญหาได้โดยลำพัง” นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ เน้นย้ำ
ภาพความโหดร้ายของอาชญากรรมไร้พรมแดนถูกสะท้อนผ่านตัวเลขเหยื่อกว่า 1 หมื่นคนจาก 40
ประเทศที่ไทยช่วยส่งตัวกลับบ้านเกิด สะท้อนชัดเจนถึงอาชญากรรมไร้พรมแดน
จุดไฟให้ตัวแทน 58 ประเทศ 9 รัฐมนตรี ร่วมลงนามปฏิญญากรุงเทพฯกำหนดยุทธศาสตร์กวาดล้างขบวนการสแกมเมอร์ให้สินซากจากโลก สอดรับกับไทยเป็น 1 ใน 72
ประเทศที่ลงนามในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ หัวใจสำคัญความร่วมมือครั้งนี้ คือการสร้างแพลตฟอร์ม แลกเปลี่ยนข่าวกรองการปฏิบัติการร่วมกัน พุ่งเป้าตัดหัวมังกรจับปลาตัวใหญ่ยังเสวยสุข โดยเฉพาะในประเทศไทยมีทั้งนักการเมือง ผู้มีบารมีเหนือรัฐมนตรี กฎหมายยังเอื้อมไม่ถึง

ขณะเดียวกันนายอันโตนิโอ กุเตร์เรช เลขาธิการ UN ออกโรงเตือนถึงภัยคุกคามจาก AIทำให้อาชญากรหลอกลวงได้ในระดับอุตสาหกรรม สร้างความเสียหายมหาศาลต่อปี แถมเชื่อมโยงไปถึงการค้ามนุษย์และการฟอกเงิน
เป็นบทพิสูจน์รัฐบาลไทย จากลูบหน้าปะจมูกสู่การปราบปราจริงจัง
แม้ “นายกฯหนู” นายอนุทินชาญวีรกูล แสดงถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยต่อต้านปัญหาระดับโลกของค่ายทุนนิยมกลางที่ประชุมใหญ่แต่พฤติกรรมรัฐบาลไทยกลับติดลบ กว่าจะไล่ทุบก๊วนขาใหญ่ต้องถูกสังคมกดดัน

ฉากต่อไปในปี 69 รัฐบาลชุดใหม่ของไทย ถึงเวลาโชว์ศักยภาพปราบขบวนสแกมเมอร์ป้องกันไทยกลายเป็นแหล่งฟอกเงินดำเป็นข่าวพร้อมพลิกตัวเป็นศูนย์กลางประสานงานต่อต้านขบวนการสแกมเมอร์ของโลก
โดยมีปฏิญญากรุงเทพต่อต้านขบวนการสแกมเมอร์ที่เกิดขึ้นเป็นข้อผูกมัดและเป็นการผนึกพลังกับนานาชาติกวาดล้างครั้งใหญ่ หยุดต้นเหตุอาชญากรรมหลายรูปแบบ ตั้งแต่หลอกลวงทางการเงิน ฟอกเงิน ค้ามนุษย์ ทุจริตคอร์รัปชัน
ถึงเวลารัฐบาลทั่วโลกและรัฐบาลไทยชุดใหม่จับมือทุกมิติกำจัดภัยคุกคามร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติให้สิ้นซาก โดยหยุดพฤติกรรมลูบหน้าปะจมูกเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย
ก่อนทุนเทาแทรกซึมเกาะกินสังคมจนเกินเยียวยา
…………………………………..
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น


















