“ชัยธวัช” แจงเหตุ “ก้าวไกล” โหวตนายกฯให้ “เศรษฐา” ไม่ได้ บอก ไม่ใช่ปัญหาเรื่องคุณสมบัติ แต่ขัดเจตจำนงประชาชนหลังการเลือกตั้ง ซัด กตั้งรัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้วไม่ใช่ทางออกความขัดแย้ง ด้าน “สว.วิวรรธน์” ยัน นายกฯเป็นตำแหน่งสำคัญ ต้องได้คนซื่อสัตย์– สุจริต
เมื่อวันที่ 22 ส.ค.66 เวลา 11.05 น. รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาได้เข้าสู่ช่วงการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกฯ
โดยนายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร สว. อภิปรายว่า มาตรา160 (4) ระบุผู้ที่จะมาเป็นนายกฯ ได้จะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ต่อพี่น้องประชาชน และมีจริยธรรม ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งสำคัญ ทางพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เราก็พยายามติดตามว่านายเศรษฐาทำอะไร มีประวัติอย่างไร เป็นคนดีหรือไม่ สว.ส่วนใหญ่บอกไม่ทราบ ไม่รู้ จึงเกิดคำถามขึ้นมาคำถามแรกว่าคนที่จะเข้ามาเป็นนายกฯ เราไม่รู้จักเลยว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ มีความสามารถที่จะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญได้หรือไม่ แล้วถามว่าเราจะเลือกได้อย่างไร เราพยายามติดตามข่าวก็มีแต่ด้านลบตลอด คือมีการกล่าวหาว่านายเศรษฐาใช้วิธีเลี่ยงภาษี ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ผิดจริยธรรม และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ก็ออกมาชี้แจง แต่ไม่เคยส่งมาให้สว.ทราบเลย
“ขณะนี้นายเศรษฐาถูกโจมตีเรื่องซื้อขายที่ดินมาตลอด เราไม่ทราบว่าประวัติของนายเศรษฐาเป็นอย่างไร เราจะเอาประเทศชาติมาเสี่ยง เอาประชาชน เศรษฐกิจ และทุกอย่างมาเป็นตัวประกันได้อย่างไร การเลือกนายกฯครั้งนี้ ประเทศชาติจะเดินต่อไปได้ ต้องเลือกคนที่ซื่อสัตย์สุจริต และมีจริยธรรม ผมเชื่อว่าสว.ในที่นี้ หากจะได้ทราบข้อเท็จจริงจะพิจารณาได้ว่าเขาจะเลือกหรือไม่เลือก และอย่าลืมว่าหากท่านจะปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์ว่าจะปฏิบัติหน้าที่นี้ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ผมได้ยินข่าวมาว่ามีการซื้อขายกล้วยให้กับสว. เป็นคนดีๆ ไม่ชอบอยากจะเป็นลิง ไปกินกล้วยชาวบ้านเขา ผมว่าผิดคำสาบาน เดี๋ยวจะโดนลงโทษ”นายวิวรรธน์ กล่าว
จากนั้น เวลา 11.36 น. นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า เหตุผลที่สส.พรรคก้าวไกล ไม่สามารถเห็นชอบ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ได้วันนี้ ไม่ใช่เรื่องคุณสมบัติของผู้ถูกเสนอชื่อตามที่มีการกล่าวหา แต่เหตุผลง่ายๆ เพราะเราเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ เป็นการจัดตั้งรัฐบาลที่ขัดต่อเจตจำนงประชาชนที่ได้แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา เมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 ว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการยุติรัฐบาล และการเมืองที่สืบทอดอำนาจจากรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พวกเราเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นอยู่ ไม่ใช่ความพยายามสลายขั้วความขัดแย้ง แต่เป็นการต่อลมหายใจให้ระบบการเมืองที่ระบอบคสช.วางไว้ และจะดำเนินสืบไป หลายคนพูดว่าการจัดตั้งรัฐบาลแบบพิเศษเป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นักการเมือง พรรคการเมือง จำเป็นต้องกลืนเลือด จ่ายต้นทุนทางการเมืองมหาศาล โดยมีวาระประชาชน และวาระประเทศ เป็นตัวตั้ง ซึ่งราคากับต้นทุนที่สังคมไทยต้องจ่ายให้กับการจัดตั้งรัฐบาลแบบพิเศษ ประการแรก คือ ความหวัง ซึ่งการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 เคยเป็นวันแห่งความหวังของประชาชน ที่จะให้การเมืองไทยออกจากมรดกของรัฐประหารได้โดยสันติ เสียงของพวกเขาจะทำให้การเมืองไทยเดินหน้าสู่อนาคต ประการต่อมาคืออำนาจ ประชาชนเคยเชื่อว่าระบอบประชาธิปไตย อำนาจสูงสุดคืออำนาจของประชาชน แต่เมื่อเขาออกไปใช้อำนาจของตัวเองในการเลือกตั้ง ปรากฎว่าการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง กลับเป็นการจัดตั้งรัฐบาลพิเศษที่อนุญาตให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิพอเป็นพิธี แต่จะไม่มีวันยอมให้อำนาจเป็นของประชาชนจริงๆ ประชาชนเพิ่งค้นพบว่าตอนนี้ประชาธิปไตยบ้านเรา กลายเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีประชาชนเป็นไม้ประดับ แต่ไม่ใช่เจ้าของอำนาจอย่างแท้จริง และสุดท้ายคือความศรัทธา การตั้งรัฐบาลแบบพิเศษกำลังทำให้เราสูญเสียความศรัทธาในระบบรัฐสภา ทั้งที่เป็นพื้นฐานสำคัญในระบอบประชาธิปไตย เมื่อประชาชนหมดศรัทธาย่อมเป็นสัญญาณอันตรายต่อการเมืองของประเทศในอนาคต
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ตนอยากฝากความหวังดีไปยังสมาชิกรัฐสภาทุกท่าน ว่าหัวใจของปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา คือการปะทะกันระหว่างอำนาจประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้งกับอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน วันนี้เรายังหาทางออกทางการเมืองไม่ได้ เราเห็นว่าทางออกจากความขัดแย้งที่ยืดเยื้อไม่ใช่การสลายขั้วอย่างผิวเผินด้วยการจัดตั้งรัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้ว แต่ต้องเป็นระบบการเมืองที่วางอยู่บนฉันทามติของหลักการอำนาจสูงสุดต้องเป็นของประชาชน และเมื่อไหร่ที่เรายังสยบยอมหรือต่อลมหายใจให้กับระบบที่เราเรียกว่าประชาธิปไตย แต่ตอบไม่ได้ว่าประชาชนอยู่ตรงไหนในระบบนี้ เราจะไม่มีทางสลายความขัดแย้งหรือหาทางออกได้
“ผมทราบดีว่าประชาชนจำนวนมากนับล้านคนกำลังผิดหวัง โกรธ คับข้องใจ กับการเมืองที่เกิดขึ้น แต่ผมอยากเรียนทุกท่านว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา สะท้อนแล้วว่าสังคมไทยได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่อาจยังเปลี่ยนไม่มากพอ ดังนั้น แม้ท่านจะไม่พอใจ รู้สึกผิดหวัง แต่ขออย่าหันหลังให้การเมือง เราต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ มามีส่วนร่วมทางการเมือง และเปลี่ยนแปลงให้ได้ ทำให้ระบอบประชาธิปไตยเป็นประชาธิปไตยจริงๆ ทำให้อำนาจสูงสุดของประเทศเป็นของประชาชนจริงๆ” นายชัยธวัช กล่าว