“เดชอิศม์” ร่ายยาวกรีดแผลเก่าปี 62 ปชป.คนเห็นต่างค้านรัฐบาล “บิ๊กตู่” นั่ง “ประธานสภาฯ-รมช.” ซัดผู้ใหญ่บางคนคิดไม่เป็น อย่ามองคนอื่นต่ำมองตัวเองสูง ชี้กาฝาก-ลิ่วล้อในพรรคเลียแข้งเลียขาผู้ใหญ่ได้ดี แนะให้กลับมานับหนึ่งใหม่ ลั่นขอเป็นฝ่ายค้าน 100%
เมื่อวันที่ 29 ส.ค.66 ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายเดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังรับมอบดอกไม้จากตัวแทนพรรค 4 ภาค เพื่อให้กำลังใจกรณีที่มีการยื่นให้ตรวจสอบ 16 สส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงมติเห็นชอบให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ที่เป็นการสวนต่อมติพรรคว่า ในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการพูดคุยกันถึงแนวทางลงมติ ซึ่งมี 3 แนวทางคือ ไม่เห็นชอบ งดออกเสียง และเห็นชอบ ซึ่งนายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขอที่ประชุมลงมติไม่เห็นชอบ ไม่ว่าพรรคจะมีมติอย่างไร แต่ในที่ประชุมพรรคไม่ได้มีการลงมติ และเพิ่งทราบภายหลังว่า การเดินออกจากห้องประชุมของนายชวน ติดภารกิจไปงานศพ และก่อนหน้านี้การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ก็ติดเรื่องมาตรา 112 ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ก็มีกระแสจะล้มอีก แต่เห็นว่าการไม่มีรัฐบาล จึงตกลงกันว่า เมื่อ 3 เสาหลักพรรค โหวตงดออกเสียงและไม่เห็นชอบ ซึ่งก็ลังเลว่าเป็นมติพรรคหรือไม่ จึงตัดสินใจโหวตเห็นชอบ พร้อมเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์แปลกตรงที่เสียงส่วนน้อย จะดังกว่าเสียงส่วนมาก และอดีตสส. หรือสส.สอบตกจะมีเสียงดังกว่า สส.สอบได้ คนที่อยู่นอกพรรคเสียงดังกว่าคนในพรรค เราจึงมาบอกทีหลัง โดยไม่ได้ตรวจสอบว่าคะแนนผ่านหรือไม่ผ่าน แต่เหตุผลที่ลงมติเพราะอยากให้ประเทศเดินหน้าได้
นายเดชอิสม์ กล่าวว่า ที่พูดว่าตนไปขอร่วมรัฐบาล ไม่อายเขาหรือ ตนไม่รับสายผู้สื่อข่าว เพราะไม่อยากขยายความขัดแย้ง แต่วันนี้จำเป็นต้องพูดเรื่องจริง ซึ่งตนพูดมาเป็นครั้งที่ร้อยแล้ว เพราะการเข้าร่วมรัฐบาล ต้องมีเทียบเชิญ และอำนาจในการเข้าร่วมรัฐบาลเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคมีมติอย่างไร รวมทั้งนโยบายของพรรคที่หาเสียงไว้ด้วย เพราะในปี 62 พรรคมีการถกเถียงกันหนึ่งวันกับหนึ่งคืน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสาธิต ปิตุเตชะ คัดค้านการเข้าร่วมรัฐบาลกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าไม่ควรส่งเสริมอำนาจเผด็จการต่อไป สุดท้ายลงมติ 61 เสียงร่วมรัฐบาลให้ประเทศเดินไปข้างหน้า แต่อีก 16 เสียงไม่ควรร่วมรัฐบาล แต่สุดท้ายนายสาธิตก็มาขอรับตำแหน่ง และนายชวน หลีกภัย มาเป็นประธานสภาฯ ที่ตนบอกว่า คนที่โหวต คนที่รับไม่ได้ก็ออกไป ตนหมายถึงนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ตั้งใจที่จะมาพูดวันนี้ เพื่อขับไล่ใคร
“อย่าเอาเรื่องอื่นๆ มาโยงใย เพื่อขับไล่ผม ให้คนเกลียดชังผม และคนที่พูดดูดี นั่นคือความจริงในปี 62 นายอภิสิทธิ์ลาออกจากสส. ถ้ารับไม่ได้ก็ลาออก แต่คนรับไม่ได้มาขอตำแหน่งรัฐมนตรี ขอชื่นชมนายอภิสิทธิ์ที่ลาออก วันนี้ผมประกาศชัดว่าเป็นฝ่ายค้าน 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วคอยดูบทบาทฝ่ายค้านของพวกเรากันต่อไป ว่าเราค้านจริง หรือค้านไม่จริง เพราะฉะนั้นอย่ามองคนอื่นต่ำ มองตัวเองสูง”นายเดชอิศม์ กล่าว
นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ขอฝากไปถึงพี่น้องชาวประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะสส.และอดีตสส. อยากให้มองมาที่พรรค ที่ผลการเลือกตั้งทำไมเราลดลงๆ เรื่อยๆ ต้องดู 360 องศา ดูนโยบายพรรคโดนใจ และตรงกับความต้องการของประชาชนหรือยัง ดูประชาชนทุกช่วงวัย ถ้าไม่ตรงต้องปรับต้องแก้ และไปดูผลการเลือกตั้งทุกจังหวัดของตัวเอง ถ้าดูไม่ออกก็ดูผลการเลือกตั้งในเขตที่ตัวเองอยู่ ถ้ายังดูไม่ออกอีกก็ดูในบ้านตัวเอง หมู่ไหน ตำบลไหน ถ้าผลการเลือกตั้งออกมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์ไม่ถึง 150 คน อย่างนี้ตนว่า ต้องดูตัวเองให้ชัด
“พรรคประชาธิปัตย์อย่าฟังลิ่วล้อมากเกินไป ผู้ใหญ่บางคนไม่ใช้สติตัวเองแล้วคิด กาฝากในประชาธิปัตย์ก็มี มีอาชีพเลียแข้งเลียหาผู้ใหญ่อย่างเดียว ได้เป็นใหญ่เป็นโตเพราะเลียแข้งเลียขา ไปพบสีขาวพอผู้ใหญ่บอกสีดำ ก็บอกว่าครับๆ ว่าสีดำ อย่างนี้ก็เจ๊ง ประชาธิปัตย์กลับมานับหนึ่งใหม่ได้แล้ว อย่าหลงงมงายกับพวกกาฝาก บางคนจะติดคุก มีเรื่องมีคดี เราอย่าคิดว่า พอเป็นพรรคอื่น เราไม่ชอบแล้วเป็นคนชั่วหมด ถ้าเป็นประชาธิปัตย์ว่าดีหมด ประชาธิปัตย์ติดคุกก็มี กำลังจะติดคุกก็มี วันนี้ต้องพูดความจริง หมดเวลาพูดโกหกกัน ความจริงเท่านั้นที่จะพาประชาธิปัตย์เดินไปข้างหน้าได้ ถ้าเราไม่ยอมรับความจริงยากมากที่เราจะชนะเลือกตั้งสมัยหน้า”นายเดชอิศม์ กล่าว
นายเดชอิศม์ กล่าวอีกว่า ตนรอคอยมา 17 ปีเต็มๆ ที่ลงสมัยพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก่อนพรรคมีการทำโพลแข่งกันในเขต 1 สงขลา นายเจือ ราชสีห์ ได้มา โดยมีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้าพรรค ตนเสนอตัวคิดว่าจะทำโพลแข่งกัน แต่อยู่ๆ นายบัญญัติประกาศให้นายประพร เอกอุรุ เป็นผู้สมัครสส.เขต 5 สงขลา ทำให้ตนต้องย้ายไปพรรคไทยรักไทย แต่มาปี 62 มีผู้สมัครประสงค์อยู่ 3 คน ตนมาจากการทำโพล ต้องขอบคุณนายอภิสิทธิ์ที่ให้โอกาสตน และผลเลือกตั้ง ตนชนะที่หนึ่งของจังหวัดสงขลา วันนี้เขาจะดูถูกเหยียดหยามตนอย่างไร แต่อยากบอกว่าเป็นครั้งแรกที่คนใต้ให้โอกาสสุงสุด เป็นครั้งแรกที่คนสงขลาให้โอกาสครอบครัวตน เลือกทั้งภรรยา ลูกตน มาเป็นส.ส.นี่คือเกียรติที่เขาให้กับครอบครัวตน นี่คือความตั้งใจของตนที่จะไปแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน เขาออกไปตากแดดตากฝนเลือกส.ส.
“ผมไม่นั่งล้มมวย ไม่มาชกภายใต้เงื่อนไขของประชาชน ผมจะมาเป็นผู้แทนทำไม วันนี้การต่อสู้ของผมเป้าหมายคือการต่อสู้เพื่อประชาชนทั้งประเทศ จึงอยากฝากว่า นอกจากพวกผมไม่ทรยศประชาชนแล้ว ต้องสร้างความเจริญให้กับประชาชนด้วย ผมไม่มาพูดจาแต่คำหวานๆ จนประชาชนเบื่อๆ ไปเรื่อยๆ ผมไม่ทำอย่างแน่นอน”นายเดชอิศม์ กล่าว
เมื่อถามว่า ทำไมถึงโหวตให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า อยากให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ ตอนนั้นคิดว่าน่าจะไม่ผ่าน เราไปโหวตแล้ว ไม่แน่ใจว่าผ่านหรือไม่ผ่าน แต่เราบอกว่า ให้ประเทศเดินไปข้างหน้า วันนี้ความเดือดร้อนของประชาชนมาก นักลงทุนจากต่างประเทศไม่กล้ามาลงทุน นักท่องเที่ยวบ้านตนติดชายแดนมาเลเซีย เพราะขาดความมั่นใจที่มาเที่ยวประเทศไทย วันนี้เราประกาศชัดเจน เราเป็นฝ่ายค้านอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ต้องมากังวลเราเลย ให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ ยืนยันไม่มีผลประโยชน์ในการโหวตเลย ข่าวที่ออกว่าตนไปเจรจากับนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตนไม่ได้เจอกับนายภูมิธรรมเลย ตั้งแต่เป็นสส.มาจนถึงวันนี้ ไม่มีโอกาสพบนายภูมิธรรมตัวเป็นๆ เลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีสมาชิกพรรคยื่นให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบลงโทษ 16 สส.ที่โหวตนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะถือว่าขัดต่อมติพรรค นายเดชอิศม์ กล่าวว่า เรายอมรับได้หมด เพราะตนมาจากประชาชน คือ หนึ่ง หากประชาชนบอกให้ตนอยู่พรรคนี้ ตนจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขให้พรรคนี้ดีขึ้น สอง หากเห็นว่าตนไม่ควรอยู่พรรคนี้ก็พร้อมที่จะไป แต่ สาม ถ้าไปแล้วยังไม่พอ ให้ตนเลิกเล่นการเมืองก็ได้ แต่ต้องถามประชาชน เพราะเขามีความคาดหวังในตัวตนและพรรคประชาธิปัตย์ ข้อหนึ่งข้อสองทำได้ แต่ข้อสามทำไม่ได้แน่เพราะต้องถามประชาชนก่อน
เมื่อถามว่า ยืนยันใช่หรือไม่ว่าการโหวตสวนมติพรรค เพราะต้องการทำให้ประเทศเดินหน้า นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ตนยืนยันต่อหน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผม เราไม่มีเงื่อนไขและผลประโยชน์ใดๆ เลย หลังจากโหวตแล้ว เราไม่ได้ไปพบใครเลย นั่นคือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะเราบอกแล้วว่า การร่วมรัฐบาลมี 3 ข้อ ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่มาจากไหน หากอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ต้องได้รับเทียบเชิญ และต้องประชุมร่วมกันแล้วมีมติออกมา ซึ่งสส.ทั้ง 16 คนได้ไปพูดคุยกันหน้าห้องประชุม ว่าจะโหวตให้นายเศรษฐา แต่ก่อนหน้านั้นคุยกันอย่างไม่เป็นทางการ วันนั้นหลายคนบอกโหวตให้เถอะ โดยเสนอในที่ประชุมสส. นายชวน หลีกภัน สส.บัญชีรายชื่อ ก็คงได้ยิน และมีหลายคนบอกงดออกเสียง แต่คนที่บอกว่า ไม่เห็นด้วย มีนายชวนคนเดียว
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่หากพรรคจะมีมติออกมาให้ขับ 16 สส. นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ไม่กังวลเพราะหลักของประชาธิปไตย เสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไร ก็ต้องยอมรับมติ
เมื่อถามว่า ยืนยันใช่หรือไม่ว่า การประชุมสส.พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีมติงดออกเสียงในการโหวตนายเศรษฐา นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นอย่างนั้น เพราะนายจุรินทร์เกรงใจนายชวน เพราะหากโหวตออกมาแล้ว จะเป็น 1 ต่อ 24 เสียง จึงบอกว่าอย่าโหวตเลย ให้เป็นเอกสิทธิ์ของสส. แต่หลายคนเข้าใจว่าเป็นมติ เพราะด้วยความเกรงใจผู้ใหญ่ นั่นคือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยไม่มีมติออกมาว่างดออกเสียง เพราะถ้าเป็นมติต้องโหวตแข่งกันใน 3 แนวทางนั้น และเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุม ดูเหมือนเห็นด้วยกับการงดออกเสียง
เมื่อถามว่า แสดงว่าโฆษกที่ประชุมออกมาแถลง ว่างดออกเสียง ถือเป็นการแถลงผิดใช่หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่าโฆษกน่าจะเข้าใจเหมือนหลายคนในวันนั้น ว่าเป็นมติ เพราะเมื่อประชุมเสร็จ ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกัน และเมื่อลงมติในที่ประชุมรัฐสภา ทั้งนายชวน นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ไม่ได้โหวตเหมือนกัน เราจึงยิ่งมั่นใจว่าไม่ได้เป็นมติพรรค
เมื่อถามว่า เมื่อเราโหวตเห็นชอบนายเศรษฐา แต่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล ถือเป็นการโหวตให้ฟรีหรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ไม่ถือว่าฟรี อย่างน้อยประเทศชาติก็ได้ประโยชน์
“เวลาเราเป็นฝ่ายค้านเราก็พูดได้เต็มคำว่า พวกผมให้โอกาสคุณไปใช้ แล้วประเทศชาติไม่เกิดประโยชน์ เราเล่นแรงนะครับ”นายเดชอิศม์ระบุ
เมื่อถามย้ำว่า ตอนมาโหวตให้นายเศรษฐาได้เสียงเพียงพอแล้ว นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ตอนนั้นไม่ได้เช็กเสียง เพราะกลุ่มเราลงมติตอนที่สภาโหวตไปได้แค่ 10% จึงไม่รู้ว่าเสียงพอหรือไม่ แต่เมื่อเสียงเขาครบแล้ว มติเรายังอยู่เหมือนเดิมเราก็โหวตตามนั้น
เมื่อถามว่า ตอนนี้มีตัวกลางมาประสานรอยร้าวบ้างหรือยัง เพราะรัฐบาลก็ได้ไปแล้ว แต่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ยังไม่ได้ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ยังไม่มีใครมาคุยเลยว่าจะเอาอย่างไร และวันศุกร์นี้ตนจะกลับบ้านที่สงขลาแล้วจะมีประชาชนจำนวนมาก ตนยังให้คำตอบเขาไมได้เลยว่า กรรมการบริหารพรรคเราจะได้เมื่อไหร่