เอกชนไม่เห็นด้วยภาครัฐเปิดนำเข้าเนื้อสุกร-ไก่-โคเนื้อ แลกดีลสหรัฐฯ หวั่นเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวโพด ถั่วเหลือง ผู้ผลิตอาหารสัตว์ โรงงานแปรรูป และแรงงานนับล้านชีวิต
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า การเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ เรื่องการจัดเก็บภาษีตอบโต้ไทยในอัตรา 36% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.นั้น ไทยจะเปิดตลาดให้สหรัฐ โดยลดภาษีนำเข้าครอบคลุมสินค้า 90% ของรายการสินค้าทั้งหมด ซึ่งสหรัฐฯ ต้องการเปิดตลาดสินค้าเกษตรหลายชนิด โดยเฉพาะเนื้อสุกร ไก่เนื้อและเนื้อโค ที่การเจรจาจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรเป็นหลัก และไทยพร้อมเปิดตลาดสินค้าเกษตรที่ไทยผลิตได้ไม่เพียงพอกับความต้องการในกลุ่มวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น กากถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวสาลี เป็นต้น ซึ่งสินค้าเหล่านี้ไทยพร้อมจะพิจารณาปรับลดภาษีนำเข้าเป็น 0%
ขณะที่เนื้อหมูนั้น สหรัฐฯได้หยิบยกมาเจรจาทุกครั้งที่มีโอกาส เนื่องจากสหรัฐเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ และบายโพรดักส์จำนวนมากที่ต้องระบายทิ้ง และเห็นว่าไทยเป็นตลาดใหญ่ ทั้งเครื่องในสัตว์ หนัง และชิ้นส่วนอื่นๆที่ไม่ใช่เนื้อแดง แต่เนื้อหมูของสหรัฐนั้น ใช้สารเร่งเนื้อแดงที่ตกค้างอยู่ในเครื่องในเหล่านั้น แม้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (Codex) ภายใต้องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) แต่เนื่องจากมาตรฐานของไทยที่สูงกว่า เพราะไทยมีกฎหมายห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงโดยเด็ดขาด จึงทำให้เนื้อหมูของสหรัฐไม่สามารถผ่านการตรวจสอบรับรองนี้ได้ดังนั้นหากไทยต้องเปิดตลาดเนื้อหมูให้กับสหรัฐตามข้อเรียกร้อง ไทยต้องปรับแก้กฎหมายเพื่อลดมาตรฐานดังกล่าว ซึ่งไม่ถูกต้องในทางปฏิบัติ เพราะเกษตรกรไทยทำได้ดีอยู่แล้ว
ทั้งนี้การยอมให้หมูสหรัฐทะลักเข้ามาจะส่งผลกระทบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทั้งประเทศ อาชีพการเลี้ยงหมูจะล่มสลาย และเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภคในประเทศ เนื่องจากสารเร่งเนื้อแดงเป็นสารก่อมะเร็ง รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อการส่งออกเนื้อหมูของไทย
ส่วนของไก่ เห็นว่าไม่ควรเปิดตลาดให้กับสหรัฐ เพราะปัจจุบันไทยมีศักยภาพการผลิตและเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก รวมทั้งมีการผลิตที่มีปริมาณเพียงพอกับการบริโภคในประเทศและการส่งออก ซึ่งหากมีการเปิดตลาดหรือลดภาษี 0% ให้กับสหรัฐจะทำให้สินค้าไก่เข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบกับการส่งออกของไทยอย่างแน่นอน
ด้านโคเนื้อ ปัจจุบันไทยเปิดตลาดนำเข้าอยู่แล้วภายใต้การเปิดเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-ออสเตรเลีย กับนิวซีแลนด์ หากเนื้อโคของสหรัฐได้มาตรฐานผ่านการตรวจสอบรับรองที่ถูกต้อง ไทยก็พร้อมจะเปิดตลาดนำเข้า ส่วนกรณีที่ไทยจะเปิดตลาดทั้งหมดอัตราภาษี 0% เหมือนเวียดนามนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องปรับแก้กฎหมายจำนวนมากและต้องใช้เวลา ดังนั้นการเจรจาด้านภาษีกับสหรัฐจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ภาคเกษตรของไทยรับได้
นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า การเปิดตลาดให้เนื้อหมูสหรัฐ ซึ่งมีต้นทุนต่ำมากเข้ามาตีตลาดในประเทศ เท่ากับเป็นการฆ่าผู้เลี้ยงสุกรไทยทั้งประเทศกว่าแสนราย ให้หมดอาชีพในชั่วข้ามคืน และเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ ตั้งแต่ผู้ปลูกข้าวโพด ถั่วเหลือง ผู้ผลิตอาหารสัตว์ โรงงานแปรรูป และแรงงานนับล้านชีวิต ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้ จะล่มสลายไปพร้อมกัน
สำหรับสินค้าเกษตรโดยเฉพาะเนื้อหมู ไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนบนโต๊ะเจรจาผลประโยชน์การค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรต่ำแต่ต้นทุนสูง และยังเกี่ยวพันกับความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ เพราะไทยจะไม่สามารถแข่งขันกับประเทศที่ได้รับการอุดหนุนจากภาครัฐอย่างเข้มข้นเช่นสหรัฐได้อย่างเป็นธรรม และมีความเสี่ยงหากเปิดประตูให้โรคระบาดสัตว์และโรคอุบัติใหม่เข้ามาในประเทศ เช่น โรคไข้หวัดหมูที่ยังไม่เคยพบในประเทศไทย
ดังนั้นหากปล่อยให้มีการนำเข้าโดยไม่มีมาตรการป้องกันที่รัดกุมพอจะเป็นการนำเข้าเชื้อโรคร้ายเข้าสู่ระบบปศุสัตว์ไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลิตเนื้อสัตว์ของไทยในระยะยาว ที่มีมาตรการป้องกันโรคสัตว์ตามมาตรฐานสากลและได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ที่ไทยดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
นายสัตวแพทย์วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย สมาชิกสมาคมโคเนื้อแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอคัดค้านการเปิดตลาดนำเข้าเนื้อโค เนื่องจากเนื้อโคจากสหรัฐมีการใช้สารเร่งเนื้อแดงซึ่งขัดกับกฏหมายของประเทศไทย และจะส่งผลถึงความปลอดภัยด้านอาหารของประเทศไทย และไม่ยุติธรรมสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคกว่า 1.4 ล้าน ครัวเรือนทั่วประเทศ ซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 2.8 แสนล้านบาท
โดยขณะนี้ผู้เลี้ยงโคเนื้อต้องเผชิญปัญหาราคาโคตกต่ำจากการแข่งขันในตลาดจากการเปิดการค้าเสรี (FTA) กับประเทศออสเตรเลีย และประเทศนิวซีแลนด์อยู่แล้ว โดยสมาคมฯ จึงต้องการให้ยกเลิกการนำเข้าเนื้อและเครื่องในโคจากสหรัฐฯ เพราะจะซ้ำเติมเกษตรกรในการผลิตเนื้อ เกรดพรีเมียม.



















