เดือดแต่เช้า! “วิโรจน์” ด่าลั่น “สันดาน” หลังสส.รุ่นพี่ขอรุ่นน้อง ก่อนถูกสวนกลับ “ไม่มีพี่สันดานแบบนี้” นายกฯบอกใจเย็นๆ ยังเช้าอยู่วันนี้ดึกอีก พร้อมแจงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงเงินเข้าภาคบริการ ลั่นปรับค่าแรง 400 บาท เร็วที่สุด
เมื่อวันที่ 12 ก.ย.66 เวลา 10.25 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายศิริโรจน์ ธนิกกุล สส.สมุทรสาคร พรรคก้าวไกล อภิปรายท้วงติงนโยบายด้านแรงงานของรัฐบาล ที่ไม่เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้แรงงาน เช่น กลุ่มไรเดอร์ กลุ่มชาวประมง รวมถึงการนำเข้าแรงงานต่างด้าวได้จริง โดยระหว่างการอภิปรายในประเด็นแรงงานกลุ่มไรเดอร์ ได้นำเสื้อแจ็คเก็ตสีเขียวสวมทับสูทเพื่อประกอบการอภิปรายด้วย และก่อนที่จะอภิปรายจบ ได้พาดพิงถึงนายเศรฐา ทวีสิน นายกฯ ว่าเป็นนายกฯส้มหล่น
ทำให้นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ประท้วงการทำหน้าที่ของประธานที่ประชุม พร้อมเรียกร้องให้เคร่งครัดในการบังคับใช้ข้อประชุมรัฐสภา เพราะเวทีรัฐสภาไม่ใช่โรงแสดง ประธานผ่อนปรนข้อบังคับ ทำให้สภาไร้ระเบียบและวินัย ทั้งที่ข้อบังคับกาประชุมร่วมรัฐสภาเขียนไว้ชัดเจนว่า การอภิปรายต้องไม่วนเวียน เสียดสี ไม่ทำให้ใครเสียหาย ไม่นำเอกสารยืนอ่านโดยไม่จำเป็น แต่ปัจจุบันพบว่ามีนักอ่านเก่งๆ ในสภาฯ และทำผิดข้อบังคับกการประชุม ดังนั้นขอให้เคร่งครัดเพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างกับเยาวชนต่อการสร้างนิสัยไร้ระเบียบ วินัย และเป็นตัวอยย่างที่ไม่ดี
ต่อจากนั้น น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ลุกประท้วงนายศิริโรจน์ และขอให้ถอนคำพูดที่ระบุพาดพิงนายกฯ ว่าเป็นรัฐบาลส้มหล่น ถือเป็นการด้อยค่า เพราะข้อเท็จจริงคือ เมื่อพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้ ต้องส่งไม้ต่อมาให้พรรคเพื่อไทยและนายกฯได้รับการเลือกจากรัฐสภา และได้รับการโปรดเกล้าฯ ดังนั้นขอให้ถอนคำพูด เพราะทำให้เกิดความเสียหายกับนายกฯ ที่ยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ
ทำให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกประท้วงเพื่อตอบโต้ โดยย้ำว่า การอภิปรายของสส.พรรคก้าวไกล เพื่อสะท้อนปัญหาของผู้ใช้แรงงานกลุ่มไรด์เดอร์ ดังนั้นกรณีที่สส.ทักท้วง แสดงว่าไม่ได้ให้ความสนใจปัญหาความเดือดร้อน และเข้าหาตอนหาเสียงเท่านั้น
ขณะที่การประท้วงของ สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทยนั้น นายวิโรจน์ ได้ตอบโต้โดยย้ำคำว่า “นายกฯเศรษฐา เป็นนายกฯส้มหล่น” อยู่หลายครั้ง คล้ายกับตอกย้ำในประเด็นที่ สส.พรรคเพื่อไทยทักท้วงให้ถอนคำพูด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพรเพชร ชี้แจงยอมรับความผิดพลาดของตนเอง เพราะจำที่สส.อภิปรายไม่ได้ทั้งหมด นอกจากทำหน้าที่ประธานที่ประชุมแล้ว ต้องเซ็นต์แฟ้มด้วย ส่วนการนำเครื่องแต่งกายของไรด์เดอร์มาสวมใส่นั้น ทีแรกจะห้าม แต่เห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย อย่างไรก็ดีต่อไปตนจะพิจารณาให้เคร่งครัด ส่วนที่มีผู้อภิปรายนำไอแพดขึ้นมาอ่าน ตนมองว่าขณะนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว แต่อย่าให้ถึงก้มหน้าก้มตาอ่าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประท้วงจาก สส. 3 พรรค ยังคงตอบโต้กันไปมา เพราะสส.ก้าวไกลไม่ยอมถอนคำพูด ทำให้ นายพัฒนา สัพโส สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงนายวิโรจน์ว่า “ผมได้ยินข่าวว่าจะอภิปรายสร้างสรรค์ ผมให้เกียรติทางน้องๆ ประเด็นนี้อยากให้ถอน และจบ เพื่อเดินต่อ” ทำให้นายวิโรจน์ ลุกประท้วงกลับว่า “เรียกผมว่าน้องๆ ผมไม่มีพี่ชายสันดานแบบนี้” ทำให้นายพรเพชรต้องยกมือเพื่อห้ามศึก บอกแบบนี้ไม่ได้ต้องถอน และปิดไมโครโฟนของทั้ง 2 ฝั่ง ก่อนจะวินิจฉัยให้ สส.พรรคก้าวไกล ทั้งนายวิโรจน์และนายศิริโรจน์ ถอนคำพูดที่ไม่เหมาะสมและตามที่ถูกประท้วง จากนั้นให้การอภิปรายนโยบายรัฐบาลดำเนินต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประท้วงดังกล่าวกินเวลาประชุมไปประมาณ 15 นาที
ต่อมา 10.40 น.นายกฯ ลุกขึ้นจะชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องแรงาน พร้อมกับพูดว่า “ตะกี้ผมนั่งฟัง ก็ขอให้ใจเย็นๆ กันหน่อย ยังเช้ากันอยู่เลย เมื่อวานเราอยู่กันดึก ยิ้มแย้มกันบ้าง สมาชิกบางคนยังขำๆ กันอยู่เลย” พร้อมกับชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำว่า ในภาพรวมประเทศไทยถือว่าเป็นที่โชคดีเนื่องจากเป็นที่ต้องการของแรงงานอัตราการวางงานต่ำกว่า 1% ถือว่าประชากรมีงาน ขณะเดียวกันความต้องการของแรงงานก็มีเยอะมากเรื่องของการเพิ่มแรงงานต่างชาติเป็นเรื่องจำเป็น ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องดูแลควบคู่กันไป คือเรื่องสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีและความปลอดภัย
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็น One Stop Service เชื่อว่าหลายๆ รัฐบาลก็ไดเดำเนินการมาแล้วและเป็นสิ่งที่รัฐบาลตระหนักดี ทั้งนี้จากการลงพื้นที่รับฟังความเห็นจากการทำประมง ยืนยันว่าเราจะทำเรื่องดังกล่าวให้ดีและมีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผู้ประกิบการและผู้ใช้แรงงานต่างด้าว เรามีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เช่นการท่องเที่ยวเพื่อดึงเงินเข้าภาคบริการ ขณะที่ค่าแรงจะปรับขึ้นตามความต้องการของภาคแรงงาน นอกจากจะกระตุ้นเศรษฐกิจภาคบริการเรายังจะลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ โดยได้ให้นโยบายรมว.แรงงานให้ดำเนินเป็นวาระเร่งด่วนหลังแถลงนโนยาย
“ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ เป็นเรื่องสำคัญเราจะมีการเจรจาทั้ง 3 ฝ่ายทั้งแรงงาน ผู้ว่าจ้าง และรัฐบาล เพื่อปรับค่าแรงขั้นต่ำให้อยู่ในระดับเหมาะสมโดยมีเป้าหมายที่ 400 บาทโดยเร็วที่สุด”นายเศรษฐา กล่าว