วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTSว้าวุ่นเลย!! แบ่งจ่ายเงินข้าราชการ กระแส“ดีดกลับ” ไม่เห็นด้วย!!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ว้าวุ่นเลย!! แบ่งจ่ายเงินข้าราชการ กระแส“ดีดกลับ” ไม่เห็นด้วย!!

มาตรการปรับการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 รอบ ของ “รัฐบาลเศรษฐา 1” ได้เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากกระแสสังคม จำนวนไม่น้อยทีเดียว โดยส่วนใหญ่!! ต่างวิพาษก์วิจารณ์กันไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม !!

ต้องยอมรับว่า…มาตรการนี้มีทั้งดีและไม่ดี มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละคน ไม่ได้หมายความว่า จะดีไปทั้งหมด หรือไม่ดีไปทั้งหมด

อย่าลืมว่า บรรดาข้าราชการที่กรมบัญชีกลาง ทำหน้าที่เป็นผู้จ่ายเงินเดือนกว่า  2 ล้านคน คิดเป็นวงเงินกว่าเดือนละ 50,000 ล้านบาทนั้น ต่างก็มีฐานทางการเงินที่แตกต่างกัน

ดังนั้น!! การจ่ายเงินเดือน 2 รอบ สไตล์ภาคเอกชน อาจจะถูกจริตกับข้าราชการบางกลุ่ม โดยเฉพาะบรรดาผู้ที่เพิ่งเข้ามาทำงาน หรือเพิ่งบรรจุใหม่ ที่ก็รู้กันอยู่ว่า ฐานเงินเดือนไม่ได้มากมายอะไร

ขณะที่ค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพ ก็แพงแสนแพง ซึ่งก็ช่วยไม่ได้ที่อาจทำให้ข้าราชการกลุ่มนี้ บางคนอาจชักหน้าไม่ถึงหลัง จนอาจต้องไปกู้หนี้ยืมสิน โดยเฉพาะจากนอกระบบเข้ามาใช้จ่าย หรือบางคนก็มีเงินครองชีพแบบเดือนชนเดือนไม่เหลือเก็บ

อย่างไรก็ตามในเมื่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ออกมา มีทั้งดีและไม่ดี เพราะบางคนก็พร้อม บางคนก็ไม่พร้อม การจะไป “หักดิบ” ใช้นโยบายที่สรรสร้างขึ้นมา อาจกลายเป็นหอกทิ่มแทงตัวเองก็ได้

สุดท้าย!! “นายกฯเศรษฐา” ก็ปรับทิศ ให้กลายเป็น “ออฟชั่น” หรือเป็น “ทางเลือก” ตามความพร้อมของแต่ละคน ใครพร้อมใช้ก็ใช้ ใครไม่พร้อมใช้ก็ไม่ต้องใช้ แล้วแต่จะเลือก

แถมการันตีว่า เรื่องนี้มีแต่เสมอตัวกับดีขึ้น และก็เชื่อว่ามีทั้งคนชอบและไม่ชอบ และยืนยันว่า ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เป็นเพียงการปรับโปรแกรมการจ่ายเงินเท่านั้น

ต้องยอมรับว่า… เรื่องของการจ่ายเงินเดือน 2 รอบนี้ ใน ภาคเอกชน ได้ทำกันมานานแล้ว เพราะสามารถที่จะทำให้มีเงินใช้จ่าย เพราะบางคนที่มีรายได้น้อยจริงๆ ก็ไม่สามารถที่จะรอให้ชนเดือนได้

ส่วนกรณี ข้าราชการ นี้ ต้องถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นการจ่าย 2 รอบ ก็ต้องแก้ไขคำนิยามของการจ่ายเงินเดือนข้าราชการด้วยเช่นกัน

เพราะตามระเบียบ ตามกฎเกณฑ์แล้ว เป็นการจ่ายเงินรายเดือน ในทางกฎหมาย กฎระเบียบ ก็ต้องแก้ไขให้สอดคล้องกับนโยบายของรับบาลที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย

หลายคนตั้งคำถามว่า…การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ เหตุใหญ่ใจความที่แท้จริงแล้วเป็นเพราะรัฐบาลกำลัง “ถังแตก” หรือเปล่า? เพราะยังมีนโยบายอีกมากที่ต้องใช้เงินงบประมาณจำนวนไม่น้อย

ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก!! ที่จะทำให้สังคมเข้าใจไปว่า รัฐบาลต้องการหาเงินมาสนองตอบนโยบายประชานิยมที่ตัวเองหาเสียงไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่?

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแจกเงินดิจทัล วอลเลต 10,000 บาท ที่มีการคาดการณ์กันว่าต้องใช้เงินจำนวนมากถึง 5.6 แสนล้านบาททีเดียว

ที่สำคัญ!! ก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจากรัฐบาลว่า จะนำเงินจากที่ไหนมาแจก

แม้จะมีการปรับ การเกลี่ย กรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย ปี 67 เพิ่มขึ้นอีก 1.3 แสนล้านบาท แต่ก็เป็นเพียงวงเงินส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด

เช่นเดียวกับการหยิบยืมมาจาก ธนาคารออมสิน หรือการคาดหวังว่าการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นอีก 30,000 ล้านบาท แต่ดูแล้ว ยังไม่น่าครอบคลุมกับรายจ่ายที่จะเกิดขึ้น

ขณะที่งบประมาณรายจ่ายปี 66 มีรายจ่ายบุคคลากรภาครัฐ ที่รวมทั้งหมดรวมทุกอย่าง แล้วก็ปาเข้าไปกว่า 1.28 ล้านล้านบาท ขณะที่ปี 65 อยู่ที่ 1.26 ล้านล้านบาท โดยแยกมาเป็นงบเงินเดือน ก็ประมาณกว่า 7 แสนล้านบาท

ด้าน กรมบัญชีกลาง ก็ย้ำว่า การแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการ ไม่ใช่การหมุนเงินคงคลัง หรือเงินสดของกระทรวงการคลัง เพื่อไปใช้จ่ายนโยบายรัฐ เพราะวงเงินการจ่ายเงินเดือน ยังคงอยู่ในระบบเหมือนเดิม ไม่ได้โยกวงเงิน หรือจ่ายช้ากว่ากำหนด

เอาเป็นว่า…ทั้งหลายทั้งปวง “รัฐบาลเศรษฐา” คงต้องฟังเสียงสะท้อนแบบมีนัยยะ แล้วการจะแบ่งจ่ายไปถึงเงินบำเหน็จ เงินบำนาญ หรือเงินต่างๆ ของข้าราชการ คงต้องชั่งน้ำหนักให้ดี ก่อนความหวังดี!! จะถูกแปรเปลี่ยน

นี่!! เป็นเพียงเรื่องแรก ๆ เท่านั้น!! เพราะยังมีสารพัดขวากหนาม ที่รอท้าทาย รอให้ก้าวข้ามผ่าน!!

…………………………

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img