วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight‘ชวน’กรีด‘กกต.’ให้คะแนนเลือกตั้งติดลบ ฉะนักการเมืองรุ่นใหม่รอบรู้แต่อ่าน iPad
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘ชวน’กรีด‘กกต.’ให้คะแนนเลือกตั้งติดลบ ฉะนักการเมืองรุ่นใหม่รอบรู้แต่อ่าน iPad

ชวน” โวเล่นการเมือง 17 สมัยไม่เคยซื้อเสียง พร้อมให้คะแนนกระบวนการเลือกตั้งติดลบ เหน็บนักการเมืองรุ่นใหม่รอบรู้แต่อ่านไอแพคในสภา แนะ กกต.อย่าจัดการพอผ่านต้องตรวจสอบให้สุจริตเที่ยงธรรม หลังพบจัดอบรม พตส.13 รุ่นเกรดการเมืองไทยยังไม่เป็นบวก ฝากสกรีนคนร่วมอบรมกู้ กยศ.ไม่คืนงดร่วมชั้นเรียนแค่เริ่มต้นก็โกงแล้ว

เมื่อวันที่ 15 ก.ย.66 เวลา 13.00 น.ที่ห้องประชุมสโมสรราชพฤกษ์ นอร์ธปาร์ค นักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) รุ่นที่ 13 จัดเสวนานำเสนอยุทธศาสตร์ หัวข้อ “ยุทธศาสตร์เสริมสร้างให้ระบบการเลือกตั้งได้รับการยอมรับ” โดยมีนายสันทัศน์ ศิริอนันต์ไพบูลย์ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นประธานในพิธี และมีนายชวน หลักภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานรัฐสภา กล่าวปาฐกถาเรื่อง “ฉากทัศน์ประเทศไทยหลังการจัดตั้งรัฐบาล” ว่า วันนี้การเมืองเข้ามาสู่ยุคที่ต้องมี กกต.ขึ้นมา ยุคที่เราใช้รัฐธรรมนูญปี 40 แล้วก็ล่มจนต้องมีรัฐธรรมนูญปี 50 กกต.ได้เกิดขึ้นและมีภารกิจในการจัดการเลือกตั้งและทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต ยุติธรรม ตนพูดด้วยความเห็นใจเพราะอยู่กับการเลือกตั้งมา 17 สมัย ซึ่งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปทางบวกคือประชาธิปไตยเติบโต เกิดความตื่นตัวประชาชนเข้าใจสิทธิหน้าที่มากขึ้น เรามีนักการเมืองที่มีความรอบรู้ แต่ในสภาอ่านไอแพคอยู่ แต่สิ่งที่ต้องเรียนด้วยความเคารพนั้น กระบวนการการเลือกตั้งโดยชอบธรรมนั้น ตนว่าติดในทางลบ ตนเป็นนักการเมืองรุ่นแรกรุ่น ไม่โกงไม่ซื้อเสียง ถ้าต้องซื้อเสียงแม้แต่บาทเดียว ตนก็ไม่เป็น แต่บังเอิญสมัยนั้นในจังหวัดตนมีนักการเมืองที่มีชื่อเสียงที่สร้างไว้ก่อน และประชาธิปัตย์ได้รับความนิยม ตนก็อาศัยบารมีด้วยตนเองจนได้สส. 11 สมัย รวมทั้งครั้งที่ 12 แม้พรรคเราแพ้ทั้งประเทศ จึงถือว่าเป็นความนิยมส่วนตัว

นายชวน กล่าวว่า การเมืองระบบเลือกตั้งความต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ การที่เราไม่ได้มีเลือกตั้งมา 5 ปีแล้ว ทำให้คนลืมความดีความชั่ว รัฐบาลชุดนั้นพยายามประคับประคองกันแล้วก็เดินต่อไม่ได้ ประชาธิปไตยครั้งนี้หลังเลือกตั้ง และรัฐบาลชุดนี้ 19 พรรค หลังเลือกตั้งการตั้งรัฐบาล นั่นเป็นตัวเลขที่ชี้ถึงความอยู่รอดของรัฐบาล ทุกวันนี้ต้องเป็นเสียงข้างมาก โดยรัฐบาลชุดที่แล้วที่มี 19 ล้านเสียง แต่ตนเคยบอกว่ารัฐบาลครั้งนี้มี 3 พรรคจัดตั้งรัฐบาลได้เลยคือ พรรคก้าวไกล เพื่อไทย และภูมิใจไทย แต่ก็เกิดปัญหากันเรื่องนโยบาย จึงไม่สามารถตั้งได้ ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันถ้าดูตัวเลข 314 เสียงเทียบกับตัวเลขฝ่ายค้านที่มี 184 คน เปรียบเทียบแล้วเข้มแข็งพอบริหารได้

นายชวน กล่าวอีกว่า เลือกตั้งกี่ครั้งก็ตาม ถ้าเราทำงานลำพังคนเดียว ก็ทำได้เพียงทำให้การเลือกตั้งจบ แล้วประกาศผลเท่านั้น แต่เป็นการเลือกตั้งโดยชอบหรือไม่ ก็ไม่สามารถที่จะตอบได้ สังคมปัจจุบันอาจจะไม่ค่อยสนใจ สื่อก็ไม่สนใจขอเพียงชนะมา ก็จบ จะซื้อมาโกงมาก็ไม่สำคัญ ถ้าค่านิยมเป็นอย่างนี้ คนที่หวังเล่นการเมืองด้วยการใช้เงินจะไม่เกิดขึ้นได้อย่างไร นี่เป็นความก้าวหน้าในทางลบต่อระบบประชาธิปไตย คิดว่าหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ เมื่อมีรัฐบาลแล้ว กกต.ก็ต้องเตรียมรับภาระความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้น ปัจจุบันนี้รัฐบาลอยู่ 4 ปี, สภาอยู่ 4 ปี ถ้าเกิดความประมาทขึ้นแม้จะมีเสียง 314 เสียงก็ตาม ถ้าเผอิญไปทำอะไรที่ขัดต่อแนวทางความชอบธรรมของบ้านเมือง เช่น เกิดมีคนทุจริตเข้ามา ซึ่งคิดว่ารัฐบาลก็คงไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่แน่ใจหรือว่าทุกคนจะวางใจได้ ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญนั้นไม่สามารถจะวัดได้ทุกคน จะปรากฏก็ต่อเมื่อหมดตำแหน่งว่า ใครเป็นอย่างไร ประวัติศาสตร์อาจจะซ้ำรอยได้ หากไม่ระมัดระวัง บางเรื่องผิดพลาดแล้วแก้ไขได้ แต่บางเรื่องก็แก้ไขไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องของชีวิตคน เอาคืนไม่ได้

นายชวน กล่าวต่อว่า ประวัติศาสตร์อาจจะซ้ำรอยได้หากไม่ระมัดระวัง บางเรื่องผิดพลาดแล้วแก้ไขได้ แต่บางเรื่องก็แก้ไขไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องของชีวิตคน เอาคืนไม่ได้ ซึ่งถ้ามีกฎหมายที่ดี แต่คนใช้ไม่ดี หรือกฎหมายไม่ดี ก็เพียงแค่แก้ไขกฎหมาย แต่เรื่องคนเรื่องใหญ่ จึงขอให้ย้ำเรื่องคน เพราะอุตส่าห์อบรมหลักสูตร พตส.มาตั้ง 13 รุ่นแล้ว การเลือกตั้งในบ้านเมืองไม่บวกขึ้น ดังนั้น กกต.จะทำอย่างไร ให้หลักสูตรนี้มีส่วนทำให้การเลือกตั้งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม คิดว่ารุ่น 13 ก็ต้องช่วยคิดด้วย เผื่อรุ่น 14 ต่อไป ทั้งนี้ตนยังได้ย้ำเรื่องนี้ระหว่างเป็นประธานสภา ซึ่งทำโครงการบ้านเมืองสุจริต โดยใช้คำว่าประเทศรุ่งเรืองเมื่อบ้านเมืองสุจริต

“ผมได้ย้ำกับเลขาสถาบันพระปกเกล้าว่า ทุกหลักสูตรต้องตรวจสอบว่า คนมาเรียนนั้นได้กู้ กยศ.หรือไม่ ถ้ากู้แล้วไม่คืนก็ไม่รับ เพราะมาเรียนได้อย่างไร แค่เริ่มต้นด้วยการโกง ถ้าไม่มีงาน ไม่มีเงิน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อมีงานทำแล้ว รายได้เป็นแสน เป็นล้านก็มี แต่ไม่คืน กยศ. แบบนี้ สถาบันพระปกเกล้าต้องกำหนดเงื่อนไขพิเศษ และขอให้เลขาฯ บรรยายในชั่งโมงแรกเลย เพราะไม่อยากให้คนที่จบหลักสูตรแล้ว ความรู้ดีกว่าเดิม แต่ทุกจริตเก่งกว่าเดิม อยากให้หลักสูตรสร้างคนดี ถ้าคนสีเทาเข้ามาก็อยากให้ออกไปเป็นสีใส ส่วนสีใสที่เข้ามาไม่อยากให้ออกไปสีเทา” นายชวน กล่าว

นายชวน ยังกล่าวถึงเรื่องของการตรวจสอบผู้มีอิทธิพลว่า ต้องทำทั่วประเทศไม่ใช่แค่จ.นครปฐม เพราะนักการเมืองที่มาจากระบบรับเหมา ที่รวยโดยอาชีพรับเหมา ต้องมีการตรวจสอบให้มากขึ้น ประเด็นที่ให้เป็นการบ้านกับ กกต. การเลือกตั้งในปี 66 เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า ไม่มีทางที่ท่านจะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมได้ ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากฝ่ายอื่น ทั้งกระทรวงมหาดไทย

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img