หน้าแรกHighlight‘ผบ.ตร.’แจงแผนรับมือ‘โดรน’สุวรรณภูมิ แบ่งพื้นที่3วง-เตือนโทษหนักถึงประหาร

‘ผบ.ตร.’แจงแผนรับมือ‘โดรน’สุวรรณภูมิ แบ่งพื้นที่3วง-เตือนโทษหนักถึงประหาร

- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ผบ.ตร.เผยบูรณาการทัพ–ตำรวจ–หน่วยบิน คุมเข้มพื้นที่รอบสนามบินสุวรรณภูมิ หลังมีกระแสพบโดรนปริศนา ย้ำผู้ฝ่าฝืนกฎหมายโดรนในเขตห้ามบินมีโทษร้ายแรง พร้อมตั้งสมมติฐานระดับก่อการร้ายเพื่อวางแผนรับมือขั้นสูงสุด

วันที่ 22 ธ.ค.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ กรณีตรวจพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน บริเวณพื้นที่ตอนในของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า การปฏิบัติการรับมือโดรนเป็นความร่วมมือภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านอากาศยานไร้คนขับของกองทัพอากาศ โดยแบ่งพื้นที่รับผิดชอบออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ วงในหรือ “ไข่แดง” ดูแลโดยกองทัพอากาศและบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) วงกลางหรือ “ไข่ขาว” ดูแลโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และวงนอกดูแลโดยกองทัพบก

สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้กำหนดมาตรการและแผนปฏิบัติการทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยนำรูปแบบการดูแลความปลอดภัยสนามบินของกองบัญชาการตำรวจนครบาลและตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา มาเป็นต้นแบบ ส่วนพื้นที่วงนอกเป็นหน้าที่ของกองทัพบก ซึ่งมีผลการปฏิบัติที่ชัดเจนและต่อเนื่อง ทั้งนี้ การบูรณาการร่วมกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กสทช. ทอท. และกองทัพ ถือเป็นกลไกสำคัญในการประเมิน วิเคราะห์ และปรับแผนปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ในด้านกฎหมาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ผู้ใดใช้อากาศยานไร้คนขับในพื้นที่ห้ามบินหรือบริเวณสนามบิน มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และหากพบว่าการกระทำเข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มีโทษสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต จึงขอเตือนผู้ที่คิดจะก่อเหตุสร้างความวุ่นวายให้ตระหนักถึงบทลงโทษที่ร้ายแรง

ส่วนกรณีกระแสข่าวว่าพบโดรนจำนวนถึง 40 ลำนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงว่า เป็นเพียงข้อมูลข่าวสารเบื้องต้นที่ได้รับแจ้งมา เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ว แต่ยังไม่พบวัตถุตามที่เป็นข่าว อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องใช้กระบวนการสืบสวนสอบสวนเพื่อพิสูจน์ทราบแหล่งที่มา ผู้ควบคุม และวัตถุประสงค์ที่แท้จริง เนื่องจากขณะนี้ระบบตรวจจับในพื้นที่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากพบโดรนจำนวนมากถือเป็นการก่อวินาศกรรมหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ต้องนำข้อมูลมาวิเคราะห์ร่วมกับฝ่ายความมั่นคงและรายงานต่อศูนย์ปฏิบัติการของกองทัพอากาศ โดยเบื้องต้นได้ตั้งสมมติฐานในระดับร้ายแรงที่สุด คือการก่อการร้าย เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันที่เข้มข้นและรองรับสถานการณ์ไม่พึงประสงค์ที่อาจเป็นอันตรายต่ออากาศยานและประชาชน

นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังระบุว่า วัตถุที่ประชาชนพบเห็นอาจเป็นแสงจากอากาศยานหรือเครื่องบิน ซึ่งสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ผ่านแอปพลิเคชัน Flightradar แต่หากพบเห็นโดรนในพื้นที่จริง ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เตรียมแผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมถึงเฝ้าระวังสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ปั่นป่วน

- Advertisement -spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES

HIGHLIGHT

- Advertisment -spot_img
spot_img

Most Popular

- Advertisement -spot_img
spot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img