เป็นไปตามความคาดหมาย กับ มติของที่ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคก้าวไกล เมื่อวันเสาร์ที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีมติเลือก “ชัยธวัช ตุลาธน” จากเลขาธิการพรรคก้าวไกล มาเป็น หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ ด้วยคะแนนเห็นชอบ 330 คะแนน ไม่เห็นชอบ 5 คะแนน และงดออกเสียง 3
และหลังจากนี้ เมื่อกระบวนการทางกฎหมายเรียบร้อย ทาง “วันหูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็จะนำชื่อ “ชัยธวัช” ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อแต่งตั้งให้เป็น “ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร” ต่อไป
ส่วน กรรมการบริหารพรรคก้าวไกลคนอื่น มีดังนี้ “อภิชาติ ศิริสุนทร” เลขาธิการพรรค-“ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์” เหรัญญิกพรรค-“ณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล” นายทะเบียนสมาชิกพรรค-“สมชาย ฝั่งชลจิตร” กรรมการบริหาร-“อภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์” กรรมการบริหาร-“เบญจา แสงจันทร์” กรรมการบริหาร-“สุเทพ อู่อ้น” กรรมการบริหาร
ขณะเดียวกัน คณะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่มีด้วยกัน 3 คน ก็มีชื่อของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นประธาน ส่วนที่ปรึกษาอีก 2 คน ประกอบด้วย “วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร” ทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล และ “เดชรัต สุขกำเนิด” ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center)
และเมื่อได้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่แล้ว ต่อมา กรรมการบริหารพรรคก็มีการตั้ง พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์, ณัฐวุฒิ บัวประทุม, พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ และ ศิริกัญญา ตันสกุล เป็นรองหัวหน้าพรรค
และตั้ง สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ, ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ และ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นรองเลขาธิการพรรค
ขณะที่ทีมงานกองโฆษกพรรค ก็เปลี่ยนจาก “รังสิมันต์ โรม” ที่เคยเป็นโฆษกพรรคก้าวไกลมานาน โดยเปลี่ยนมาเป็น “ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ” เป็นโฆษกพรรคคนใหม่ โดยมีรองโฆษก 2 คน ได้แก่ กรุณพล เทียนสุวรรณ และ “ภคมน หนุนอนันต์”
อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้กันว่า การที่ “พิธา” ลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล จนนำมาสู่การเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เป็นเรื่องของการเปิดทางเพื่อให้ พรรคก้าวไกล ส่งคนไปเป็น ผู้นำฝ่ายค้านฯ เพราะพรรคก้าวไกล มีสส.ในฝ่ายค้านมากที่สุด จึงได้โควตาดังกล่าว แต่ “พิธา” ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่การเป็นสส. ในคดีหุ้นสื่อไอทีวี จึงทำให้ไม่สามารถเป็นผู้นำฝ่ายค้านฯได้ ทาง “พิธา” ก็เลยลาออกเพื่อเปิดทางดังกล่าว
เรื่องนี้ “ชัยธวัช-หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่” ก็รู้ตัวเองดี โดยกล่าวหลังได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่าในภาพรวม การปรับทัพครั้งนี้เป็นเพียงการปรับทัพชั่วคราว เนื่องจากเหตุจำเป็นทางกฎหมายที่ทำให้ “พิธา” ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ “ผู้นำฝ่ายค้าน” ในสภาผู้แทนราษฎรได้
“ผมและกรรมการบริหารพรรค ยินดีที่จะลงจากตำแหน่งเมื่อคุณพิธาสามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ สส. ในสภา ได้อีกครั้ง”ชัยธวัช ระบุ
นั่นก็หมายถึงการขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลของ “ชัยธวัช” ครั้งนี้ มันก็แค่การ “ขัดตาทัพชั่วคราว” เพื่อรอความชัดเจนในเรื่องคดีหุ้นสื่อไอทีวีของ “พิธา” นั่นเอง
วิธีการก็คือ หาก “พิธา” รอดคดีหุ้นสื่อในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะทำให้ “พิธา” ได้กลับมาเป็นสส. และถึงตอนนั้น “ชัยธวัช” ก็จะลาออก เพื่อเปิดทางให้ “พิธา” กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลอีกครั้ง และจะทำให้ “พิธา” ได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านฯด้วย
แต่หาก “พิธา” ไม่รอดคดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ก็แค่หลุดจากสส. ไม่ได้โดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง เลือกตั้งรอบหน้า “พิธา” ก็กลับมาลงเลือกตั้งได้อีก และกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หาก “พิธา” ไม่รอดคดีหุ้นสื่อ ก็ทำให้ มีโอกาสสูงไม่น้อย ที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีมติเอาผิด “พิธา” ในคดีอาญา กรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. แต่ยังสมัครรับเลือกตั้ง หรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อของตนเพื่อสมัครรับเลือกตั้ง สส.บัญชีรายชื่อ อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. มาตรา 151 ที่เป็นโทษทางอาญา ซึ่งมีโทษ
“จำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท ให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี”
ทว่า การเอาผิดคดีอาญากับ “พิธา” ดังกล่าว ค่อนข้างใช้เวลานานมาก เพราะต้องผ่านทั้ง ตำรวจ-อัยการ-ศาลยุติธรรม ซึ่งคดีอาจพลิกได้ เช่น ตำรวจอาจมีความเห็นสั่งฟ้อง “พิธา” ตามที่กกต.แจ้งความ แต่พอสำนวนไปที่อัยการ ทางอัยการอาจสั่งไม่ฟ้องก็ได้ โดยอาจเหตุผลว่า ไม่มีเจตนา
เพราะก่อนหน้านี้ อัยการก็เคยมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดีอาญากับ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ในคดีหุ้นสื่อวีลัคมีเดียมาแล้ว แม้ต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นว่า “ธนาธร” ถือหุ้นสื่อก่อนลงเลือกตั้ง และกกต.กับอัยการ มีความเห็นให้เอาผิดกับ “ธนาธร” ก็ตาม
ดังนั้นคดีของ “พิธา” หากไม่รอดในชั้นศาลรัฐธรรมนูญจริงๆ ก็ยังอาจพลิกได้ ในชั้นตำรวจ-อัยการ เพราะการดำเนินคดีอาญา จะดูเรื่อง “เจตนา” เป็นสำคัญ โดยถ้าอัยการ มีความเห็นว่า “พิธา” ไม่มีเจตนา ก็อาจสั่งไม่ฟ้องแบบ “ธนาธร” ก็ได้เช่นกัน
หรือแม้แต่ต่อให้อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง “พิธา” แต่คดีก็ใช้เวลานาน เพราะคดีต้องไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาฯ ที่สู้กันได้ถึงสามศาล ทำให้กินเวลาหลายปี
จึงทำให้เรื่องนี้ ไม่น่าจะเป็นปัญหาหาก “พิธา” จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลอีกครั้งในช่วงเลือกตั้งรอบหน้า
กระนั้น การขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลของ “ชัยธวัช” ในช่วงนี้ ต้องบอกเลยว่า มีงานหนักหลายเรื่องรออยู่ เพราะช่วงนี้อย่างที่เห็นกัน พรรคก้าวไกลงานเข้าหลายเรื่อง เกิดภาพติดลบหลายกรณี
เช่นกรณี ทัวร์สิงคโปร์ ของ “ปดิพัทธ์ สันติภาดา” รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 จากพรรคก้าวไกลที่ใช้งบ 1.3 ล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พรรคก้าวไกลมีแนวนโยบายเรื่องการตัดงบการเดินทางไปต่างประเทศของหน่วยราชการ มาตลอดโดยอ้างว่า สิ้นเปลืองงบประมาณ แต่แล้วคนของพรรคก้าวไกล ดันมาทำเสียเอง โดยที่หลายประเด็น “ปดิพัทธ์” ก็ไม่สามารถชี้แจงถึงเหตุผลความจำเป็นในการเดินทางไปดังกล่าวได้
แล้วก็ยังมาเจอกรณี “เจ๊เจี๊ยบ-อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” อดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล และอดีต สส.บัญชีรายชื่อ ที่ปัจจุบันเป็น ที่ปรึกษารองประธานสภาฯ ของ “ปดิพัทธ์” แสดงพฤติการณ์ไม่เหมาะสม แสดงท่าทีคุกคามแฟนคลับเสื้อแดง-พรรคเพื่อไทย ด้วยการบุกไปถึงบริษัทและนำข้อมูลส่วนตัว มาโพสต์ในโซเชียลมีเดีย
ทั้งสองกรณีทำให้ “ก้าวไกล” เสียทรงไปพอสมควร เรียกว่า มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ “ก้าวไกล” อย่างมาก
ขณะเดียวกัน หาก “ก้าวไกล” ใช้วิธีขับ “ปดิพัทธ์” ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล เพื่อให้ “ปดิพัทธ์” ไปเป็นสส.พรรคเป็นธรรม จะได้ไม่ต้องลาออกจากรองประธานสภาฯ เพื่อทำให้พรรคก้าวไกล มีตำแหน่งในสภาฯ ทั้งผู้นำฝ่ายค้านฯและรองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง อย่างที่มีกระแสข่าวมาตลอดว่า พรรคก้าวไกลจะใช้วิธีการดังกล่าว
ซึ่งหาก “ก้าวไกล” ทำเช่นนั้นจริง ก็ต้องพร้อมรับกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่จะตามมาทันทีว่า “ก้าวไกล” ใช้วิธีเลี่ยงกฎหมาย เพื่อเอาตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งถ้า “ก้าวไกล” ทำเป็นหูตึง ไม่ยอมฟัง เพราะเห็นว่าตำแหน่งทางการเมืองสำคัญกว่า ก็น่าคิดเหมือนกันว่า “แฟนคลับก้าวไกล” ที่อาจไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับ “ก้าวไกล” ไปทุกเรื่อง จะเอาด้วยกับวิธีการแบบนี้หรือไม่
เพราะหากแฟนคลับ มองว่า “ก้าวไกล” ไม่ตรงไปตรงมา ก็อาจทำให้ “แฟนคลับ” อาจผละตัวออกไปก็ได้ “ก้าวไกล” จึงต้องประเมินความเสี่ยงที่จะตามมาเช่นกันว่า จะเอาแบบไหน จะให้ “ปดิพัทธ์” ลาออกจากรองประธานสภาฯ หรือจะใช้วิธีขับออก แล้วฝากเลี้ยงไว้กับพรรคอื่น เพื่อหวังกินรวบสองเก้าอี้ฯ ก็รอติดตามกัน ข่าวว่าเรื่องนี้น่าจะจบภายในสัปดาห์หน้านี้
การขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลของ “ชัยธวัช” แม้จะแค่ขัดตาทัพ รอ “พิธา” กลับมา แต่ก็มีเรื่องร้อนๆ รอให้แก้ไขและกอบกู้ภาพลักษณ์…อยู่ไม่น้อยเช่นกัน
…………………………………………
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย “พระจันทร์เสี้ยว”