“กมธ.สวัสดิการ” มีมติทำความเห็นเสนอ “มท.-กก.ผู้สูงอายุ” เพิ่มหลักเกณฑ์รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุครอบคลุมทุกกลุ่ม หลังพบรายใหม่-ย้ายภูมิลำเนาไม่ได้ลงทะเบียน
วันที่ 20 ต.ค. 2566 ที่รัฐสภา นายกัณตภณ ดวงอัมพร สส.กทม.พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การสวัสดิการสังคม สภาฯ แถลงว่า จากการชี้แจงของผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจัดสรรเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566 ส่งผลให้ผู้สูงอายุบางส่วนไม่ได้รับสิทธิ โดยแนวทางการดำเนินงานตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย กำหนดให้การยืนยันสิทธิรับเงินผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เปิดรับการยืนยันสิทธิรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ช่วงเดือน ม.ค. ถึงธ.ค. ของทุกปี และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการแจ้งไปยังผู้สูงอายุที่มีสิทธิรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุรายใหม่ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน ซึ่งเป็นผู้สูงอายุที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์แล้ว รวมถึงผู้ที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ และครอบคลุมถึงกรณีผู้สูงอายุที่ย้ายภูมิลำเนา ที่ยังไม่ได้ยืนยันสิทธิรับเงินเบี้ยผู้สูงอายุ
นายกัณตภณ กล่าวต่อว่า หากมีความประสงค์ที่จะรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้แนบเอกสารหลักฐานข้อมูลเพื่อยืนยันสิทธิ ต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำหรับคุณสมบัติการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุอยู่ระหว่างการกำหนดหลักเกณฑ์จากคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ สำหรับผู้สูงอายุที่ได้ลงทะเบียนก่อนที่ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566 ประกาศและมีผลบังคับใช้ยังคงมีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ณ เดือนที่มีคุณสมบัติครบทันที โดยไม่ต้องยืนยันสิทธิต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
“ทางคณะกมธ. ได้มีมติให้จัดทำความเห็นเสนอต่อกระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิที่จะได้รับเงินเบี้ยยังชีพ ให้มีความครอบคลุมกับผู้สูงอายุทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ เพื่อประกอบการพิจารณาคุณสมบัติการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามระเบียบ กระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2566 ต่อไป”นายกัณตภณ กล่าว
