วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“เศรษฐา”เปิดใจนั่งเก้าอี้นายกฯ 2 เดือน ผลักดัน“แลนด์บริดจ์”เป็นจุดยุทธศาสตร์
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เศรษฐา”เปิดใจนั่งเก้าอี้นายกฯ 2 เดือน ผลักดัน“แลนด์บริดจ์”เป็นจุดยุทธศาสตร์

“เศรษฐา” เปิดใจนั่งเก้าอี้นายกฯ 2 เดือนดึงนักลงทุนย้ายฐานการผลิตมาไทย เตรียมดัน “โครงการแลนด์บริดจ์” ชูไทยจุดยุทธศาสตร์

เมื่อวันที่ 22 ต.ค.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงช่วง 2 เดือนในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีว่า ที่ผ่านมาเราเป็นผู้นำใหม่ ตามประเพณีเราก็ต้องเดินทางไปพบผู้นำเพื่อนบ้าน ถ้าเกิดมีจังหวะ เช่นการประชุมใหญ่สหประชาชาติกลางเดือนก.ย.ก็ได้ไปพบปะผู้นำมาหลายคน แต่สิ่งที่พยายามเพิ่มเข้าไปคือ นักธุรกิจ เพื่อพูดคุยในเรื่องการเข้ามาลงทุนในไทย จากนี้ก็จะเดินทางเยือนกัมพูชาซึ่งเป็นประเทสเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน จากนั้นจะเป็นในส่วนของประเทศอาเซียน ประเทศอื่น ทั้งมาเลเซีย บรูไน รวมถึงฮ่องกง เพื่อพูดคุยกับนักลงทุน ซึ่งมีขั้นตอนชัดเจนว่า กระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงบีโอไอ จะมีขั้นตอนอะไรต่อไป

นายเศรษฐา กล่าวว่า จากการพูดคุยหารือทวิภาคีกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน มีการพูดคุยในเรื่องการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานทั่วไปในเขตนี้ ไปถึงยุโรปและแอฟริกา เราจึงจำเป็นต้องไปพูดคุยและเสนอโครงการอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูงจากลาวมาถึงไทย ขณะเดียวกันได้แจ้งความคืบหน้าไทยหลังจากที่ขณะคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติทำการศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งในอดีตจากที่เราเคยเป็นทางผ่าน แต่หากมีการดำเนินโครงการแลนด์บริดจ์ เราจะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่จะเป็นตัวดึงนักลงทุนต่างประเทศที่ย้ายฐานการผลิตเข้ามาในไทยมากขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีแต่ต้องมีการศึกษาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากต่างชาติมีความสนใจมากขึ้น 

นายกฯ กล่าวอีกว่า ขณะที่ผู้นำอาเซียนก็ได้มีการพูดคุยกันในหลายประเด็น โดยเฉพาะกรณีการสู้รบของอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส แต่โดยสรุปที่ไปทั้งหมด เพราะเราเป็นผู้นำใหม่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการยกระดับการลงทุนและการจ้างงาน รวมถึงการสร้างการผลิตทำให้ประเทศไทยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างน้อย 5% ในอีก 10 ปีข้างหน้า

เมื่อถามว่า หลังจากนี้นายกฯจะเดินทางไปประเทศไหนต่อไป นายเศรษฐา กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 30 ต.ค.จะเดินทางเยือนประเทศลาว จากนั้นวันที่ 12 พ.ย.จะไปซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นมิติใหม่ ในการที่จะไปเชิญชวนต่างชาติเข้ามาลงทุน

เมื่อถามว่า ตอนนี้มีการให้ฉายานายกฯว่าเป็น “เซลล์แมน” ไปแล้ว ความรู้สึกการเยือนต่าวประเทศตอนนั้นเป็นอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ตามนิสัยส่วนตัวเป็นคนให้เกียรติคนอยู่แล้ว โดยให้ความสัมพันธ์ทุกประเทศเท่ากัน เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการต่างประเทศและบีโอไอ จะต้องเตรียมข้อมูลมาเป็นอย่างดี แต่หลักการสำคัญ การพูดคุยด้วยความเคารพทั้ง 2 ฝ่าย จะทำให้การเจรจาเป็นไปได้ง่าย 

เมื่อถามย้ำถึงการสู้รบของอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส โดยเฉพาะการพูดคุยในเรื่องการช่วยเหลือตัวประกัน นายเศรษฐา กล่าวว่า กว่าจะถึงจุดนั้น ที่ประเทศจีนก็มีการพบปะพูดคุยกับนักธุรกิจไทย ทั้งสมาคมหอการค้า สภาอุตสาหกรรม ได้มีการพูดคุยว่า ต่อไปนี้หากมีการเดินทางเยือนต่างประเทศ ให้มีการพูดคุยกันกับประเทศคู่ค้าด้วย ซึ่งทุกประเทศก็ให้ความเป็นห่วง เพราะเราเป็นประเทศเล็กๆ และไม่ใช่ส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง

นายกฯ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีซาอุดิอาระเบีย รวมถึงกษัตริย์โอมาน ก็ได้มีการพูดคุยสถานการณ์ โดยเฉพาะคนไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว จำนวนนนี้มีตัวประกัน 17 คน ทางซาอุฯก็เข้าใจ พร้อมห่วงใยคนไทยที่มีการสูญเสียระดับต้นๆ และยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ

เมื่อถามว่า มีการใช้คนเน็กชั่นส่วนตัวในการพูดคุยกับนักธุรกิจ ให้มีการช่วยเจรจาช่วยเหลือตัวประกัน นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่อนไหวและมีการช่วยเหลือเบื้องหลังหลายส่วน เรามีการเจรจาอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันนี้น่าจะมีคนที่แสดงความประสงค์กลับมาแล้วกว่า 9 พันคน ยืนยันว่าประเทศไทยดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และจะมีความคืบหน้าในวันที่ 23 ต.ค.นี้

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img