วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS“ออมสิน-ธ.ก.ส.”เด้งรับครม.คลอดสินเชื่อ คืนถิ่นแรงงานไทยวงเงิน 2,000 ล้านบาท
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ออมสิน-ธ.ก.ส.”เด้งรับครม.คลอดสินเชื่อ คืนถิ่นแรงงานไทยวงเงิน 2,000 ล้านบาท

“ออมสิน-ธ.ก.ส.” ขานรับครม. เดินหน้าสินเชื่อคืนถิ่นแรงงานไทยวงเงิน 2,000 ล้านบาท ช่วยเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในประเทศอิสราเอล อัตราดอกเบี้ยต่ำแบบลดต้นลดดอก 1% ต่อปี

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า หลังจากครม. มีมติเมื่อวันที่ 31 ต.ค.66 ให้ธนาคารออมสินออกโครงการสินเชื่อคืนถิ่นแรงงานไทยวงเงิน 1,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในประเทศอิสราเอล โดยนำนำเงินไปชําระหนี้ที่กู้ยืม สําหรับการไปทํางานที่ประเทศอิสราเอล หรือ นำไปลงทุนประกอบอาชีพอิสระ อาชีพค้าขาย ที่ไม่ใช่เกษตรกร เพื่อทดแทนการขาดรายได้ โดยมีเงื่อนไขสินเชื่อที่ผ่อนปรนพิเศษ ดังนี้

  • ให้กู้สูงสุดไม่เกิน 150,000 บาทต่อราย
  • อัตราดอกเบี้ยต่ำแบบลดต้นลดดอก 1% ต่อปี
  • ระยะเวลาชําระคืนเงินกู้ไม่เกิน 20 ปี
  • ปีแรก ไม่ต้องชำระเงินต้น จ่ายแต่ดอกเบี้ย
  • ไม่ต้องมีหลักประกันหรือใช้บุคคลค้ำประกัน

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นความตั้งใจของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ต้องการช่วยเหลือแรงงานไทยให้คลายความกังวล เกี่ยวกับภาระหนี้และค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการไปทํางานที่ประเทศอิสราเอล สามารถติดต่อยื่นกู้ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ GSB Contact Center โทร. 1115.

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล ทำให้คนไทยที่เดินทางไปประกอบอาชีพในประเทศอิสราเอลได้รับผลกระทบ ทั้งด้านการประกอบอาชีพและความปลอดภัยในชีวิต และจำเป็นต้องเดินทางกลับประเทศก่อนที่จะครบกำหนดสัญญาจ้าง ส่งผลต่อรายได้ การดำเนินชีวิตและการชำระหนี้สินที่เกิดขึ้นจากการกู้เงินไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล

โดยครม.มีมติเห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการสินเชื่อคืนถิ่นแรงงานไทย เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรลูกค้าที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวให้มีเงินไปชำระหนี้ที่กู้ยืมในการไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลและมีเงินลงทุนในการประกอบอาชีพใหม่ วงเงินรวม 1,000 ล้านบาท

โดยมีเงื่อนไขดังนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการต้องเป็นเกษตรกรหรือบุคคลในครัวเรือนเกษตรกรที่ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล อายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 150,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี โดยผู้กู้จ่ายดอกเบี้ยเพียง 1% ต่อปี และรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยแทนเกษตรกร 2% ต่อปี กำหนดชำระคืนภายใน 20 ปี (เมื่อชำระคืนเสร็จสิ้นผู้กู้ต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี) ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 12 งวดแรก สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.67 หรือจนกว่าวงเงินจะครบตามกำหนด ทั้งนี้ ณ วันที่ยื่นขอสินเชื่อต้องพำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย

ทั้งนี้กรณีลูกค้าเสียชีวิตหรือสูญหาย ธ.ก.ส. พร้อมช่วยเหลือด้วยการยกหนี้ที่กู้เพื่อไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลให้ทั้งหมด และหนี้สินอื่น ๆ ที่มีสัญญาผูกพันจะได้รับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยลดอัตราดอกเบี้ยให้เหลือ 2.5% ต่อปี

กรณีที่เดินทางกลับมาโดยปลอดภัย หรือมีบุคคลในครอบครัวเสียชีวิต ธ.ก.ส. จะปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่กู้เพื่อไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล โดยลดอัตราดอกเบี้ยให้เหลือ 0.01% ต่อปี เป็นเวลา 3 ปี และสำหรับหนี้สินอื่น ๆ ที่มีสัญญาผูกพันจะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด

นอกจากนี้ สำหรับลูกค้ามีต้นเงินกู้ทุกสัญญารวมกัน ไม่เกิน 300,000 บาท ณ 30 กันยายน 2566 สามารถแจ้งความประสงค์และตรวจสอบสิทธิ์ในการเข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้รายย่อยผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 ม.ค. 67

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img