“สส.แจ้” ปูดอีก “บิ๊กก้าวไกล” ไลน์ล็อบบี้ขอให้หยุดเปิดศึก ยันข้อมูลที่เปิดไม่ต้องการให้กลับมติถูกขับออก รับยังไม่ตัดสินใจซบพรรคไหน เมินเข้า “ไทยศรีวิไลย์” ขออยู่พรรคที่ทำประโยชน์ให้ประชาชนได้มากกว่านั้น
วันที่ 6 พ.ย.2566 เวลา 11.30 น. ที่รัฐสภา นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ให้สัมภาษณ์ถึงความขัดแย้งกับผู้ช่วยสส.ที่เป็นสัดส่วนของกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคก้าวไกล ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต่างกับศาลเตี้ย ไม่ต่างกับกระบวนการที่เรียกว่าพวกมากลากไป ลองค้นหาคำว่า ฟ้องปิดปาก 50 ล้าน จะเจอผู้ช่วยส. เพราะเขาเคยค้านหลายที่ เพราะเมื่อค้านในกระบวนการจะมีภาคประชาสังคม เรื่องบ่อขยะนั้นมีขนาดใหญ่กว่าอาคารรัฐสภา 2 เท่า บ่อขยะที่มีเงินทุนมหาศาล มีนายทุนในพื้นที่ ที่ผมกำลังชนกับกลุ่มทุน ซึ่งมีหลายเรื่องต้องพิจารณาหลายเรื่อง และผมกระอักกระอ่วนใจที่จะพูดตั้งแต่ต้น เมื่อเขาปล่อยแล้วยังตามทำลายเรา ก็เลี่ยงไม่ได้จึงต้องมาพูดในวันนี้”นายวุฒิพงศ์ กล่าว
เมื่อถามว่า มีหลักฐานในการกล่าวหาว่ามีการรับผลประโยชน์ใดๆจากกลุ่มทุนที่ให้ผู้ช่วยส.หรือกก.บห. บางคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ตนขอไม่ลงรายละเอียด แต่ควรจะไต่สวนในเบื้องต้นก่อนในข้อมูลที่ให้ไป ซึ่งหลายอย่างควรมีกระบวนการวินัยเกิดขึ้น เป็นข้อสังเกตคือตนถูกขับออกจากพรรคใช้เวลา 22 วัน ในกระบวนการทุจริตพรรคเก็บไว้ใต้พรมรอให้แดงหรือรอให้ตนออกมาพูดก่อน การที่ตนออกมาพูดในวันนี้ไม่เกี่ยวกับพรรค แต่ เป็นเรื่องทุจริตของผู้ช่วย ส.ของกก.บห.พรรค และตนเคยร้องเรียนไปล้ววันนี้ยังเพิกเฉยอยู่
“ผู้บริหารพรรคทักมาทางไลน์ขอให้ผมหยุดในเรื่องนี้ ผมก็บอกเลยว่าผมหยุดพูด แต่ขอให้ทางพรรคให้เกียรติในการเดินหน้าทำหน้าที่ของผม ซึ่งทางพรรคเป็นองคาพยพขนาดใหญ่ และพรรคต้องมูฟออน ต้องหาพรรคเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกที่ถูกต้อง เรื่องกระแส เรื่องสื่อ เรื่อง Sexual Harassment ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ดังนั้นผู้บริหารพรรคได้ทั้งมาหาผมหลังจากที่มีมติขับออกจากพรรค สำหรับเรื่องที่ผมถูกขับออกจากพรรคทั้งก่อนหน้าและภายหลัง ผมยังไม่ได้รับคำชี้แจงในประเด็นที่ผมถูกขับเป็นลายลักษณ์อักษรหรือเอกสารใดๆ รวมถึงการติดต่อจากพรรคแม้แต่ครั้งเดียว”นายวุฒิพงศ์ กล่าว
เมื่อถามว่ากรณีที่ระบุว่า ผู้ช่วย ส.ส. หรือ ส.ส. เกี่ยวกับการเรียกรับผลประโยชน์ซึ่งเข้าข่ายผิดจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะดำเนินการให้องค์กอิสระหรือสภาฯ ตรวจสอบหรือไม่ นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ตนทราบว่า นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องดังกล่าวสามารถยื่นให้ กกต. ได้ อีกทั้ง ในประเด็นที่เป็นเรื่องการเมืองในแง่จริยธรรม ตามกระบวนการของคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยังช่องที่จะส่งถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่ขณะนี้ตนยังไม่คิดจะดำเนินการรวมถึงการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ของสภาฯ ด้วย แต่ต้องการให้พรรคดำเนินการ ส่วนประเด็นที่ตนถูกชี้ว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศนั้น ตนตั้งทนายแล้ว
“ผมยืนยันว่าข้อมูลที่นำมาเปิดเผย ไม่ต้องการให้พรรคก้าวไกลกลับมติ หรือให้องค์กรใดสั่งให้พรรครับผมเข้าสังกัดพรรคอีก เพราะผมคิดว่าต้องออกมา แบบไม่หันหลังกลับไป และการเปิดเผยเรื่องนี้ เพราะผมถูกตีไม่เลิก ถูกพาดพิงไม่หยุด ไม่ใช่เพราะต้องการโจมตีพรรค” นายวุฒิพงศ์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองร้องต่อ ป.ป.ช.ให้สอบจริยธรรมร้ายแรง นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ตนยินดีเข้าสู่กระบวนการ
เมื่อถามว่าอนาคตทางการเมืองขณะนี้ตัดสินใจเข้าสังกัดพรรคการเมืองใดแล้วหรือไม่ นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาต้องลงพื้นที่ให้มาก เพื่อรับฟังชาวบ้านเพื่อตกผลึกเสียงจากชาวบ้านว่าพรรคไหนที่เขารับได้ ต้องสอบถามประชาชนในพื้นที่และ ทีมทำงานในพื้นที่ของตนที่มีกว่า 10 ชีวิตด้วย เพราะพวกเขาต้องตามตนไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ ส่วนที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ชวนเข้าสังกัดพรรคด้วยนั้น เป็นเพราะเราเป็นศิษย์พระจอมฯสถาบันเดียวกัน เราก็มีคุยกันแต่คุยไม่ได้ลงรายละเอียด แต่ตนอยากทำประโยชน์ในพรรคที่ทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชนได้มากกว่านั้น