ในทางโหราศาสตร์!! ว่ากันว่า…ในวันพฤหัสบดีที่ 9 พ.ย. 2566 ถือเป็นอีกหนึ่งวัน ที่เป็นฤกษ์ดีทางด้านธุรกิจ รวมไปถึงการเสริมความมั่นคง
การที่ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง จะถือฤกษ์งามยามดี ออกมาป่าวประกาศถึงผลงานของรัฐบาล ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ก็ไม่น่าแปลกอะไร?
เพราะนโยบายเร่งด่วนทำได้ทันที Quick win ที่ “นายกฯเศรษฐา” กระตุ้นให้บรรดาเพื่อนร่วมงานในแต่ละกระทรวงเร่งดำเนินการ เพื่อให้มีผลงานที่จับต้องได้นั้น กำลังกลายเป็นคำถามที่ดังขึ้นเรื่อยๆ
ความน่าเชื่อถือทางนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ กำลังถูกลดทอน บั่นทอน ลงไปไม่น้อย ซึ่งสะท้อนให้เห็นชัดเจนผ่านตลาดหุ้นไทย ที่ถือว่า ณ เวลานี้ กำลังอาหารหนัก
ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทย ได้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงถึง 15% ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดในโลก เนื่องจากไม่มีเงินจากนักลงทุนระยะยาวเข้ามาสนับสนุน
เรียกได้ว่า ตลอด 2 เดือนของรัฐบาล เราได้เห็นการที่ดัชนีหุ้นไทยลดลงต่ำกว่า 1,500 จุด และก็ยังซ้ำเติม ถึงกับลดลงต่ำกว่า 1,400 จุด มาแล้ว
ต่อให้ปัจจัยในประเทศ จะเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยที่ถาโถมเข้าใส่ตลาดหุ้นไทยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธถึง “ความเชื่อมั่น” ที่มีต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันไปได้เช่นกัน
ขณะที่เสียงต่อว่า…ต่อขาน… ถึงนโยบายหลัก อย่างการแจกเงิน “ดิจิทัล วอลเล็ต” 10,000 บาท ที่ชักเข้า-ชักออก เปลี่ยนไป-เปลี่ยนมา จนสังคมสับสน
เรื่อยมา…จนถึงเรื่องของ การขึ้นเงินเดือนข้าราชการและพนักงานของรัฐ รวมไปถึงนโยบาย เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ที่โยนหิน สร้างสีสัน สร้างบรรยากาศทางเศรษฐกิจให้มี “ความหวัง” ก่อนจะถูกลบทิ้งด้วยคำว่าแค่ “ศึกษา”
ณ เวลานี้ ปฎิเสธไม่ได้ว่า… เสียงสะท้อนถึงรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวของ “นายกฯเศรษฐา” เอง ดูจะมีมากขึ้นไม่น้อย หากพูดง่ายๆ ว่า คะแนนนิยม สู้ไม่ค่อยดีนัก ก็ไม่ผิด
เพียงแค่นโยบายหลัก ยังติดขัด ทางออกยังไม่ชัดเจน เพราะปัญหาใหญ่คือเรื่องของ “เงินงบประมาณ” ที่มีไม่พอที่จะทำตามอำเภอใจได้ซะทุกนโยบาย
แต่ก็ใช่ว่ารัฐบาลไม่ขับเคลื่อนอะไร !! เพราะตลอด 60 วันที่ผ่านมา รัฐบาลของนายเศรษฐา ก็มีผลงานไม่น้อย เพียงแค่…ผลงานนั้น!! ไม่ได้เพิ่มเงินในกระเป๋า ให้กับพี่น้องคนไทยแบบชัดเจน ก็เท่านั้น!!
สารพัดนโยบาย ที่นายกฯเศรษฐา ชี้แจงแถลงไขผ่านรายการ พิเศษ Chance of Possibility จากนโยบายสู่การลงมือทำจริง 60 วัน ภายใต้รัฐบาลนายกฯ “เศรษฐา ทวีสิน” ทุกแพลตฟอร์มของช่อง 11 และเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายกฯ ก็มีความสำเร็จ มีความคืบหน้าไม่น้อย
ทั้งเรื่อง การลดราคาน้ำมันดีเซล เหลือ 30 บาท การลดค่าไฟฟ้า เหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย การลดราคาน้ำมันเบนซิน แก๊ซโซฮอล์ 91 ลงลิตรละ 2.50 บาท แก๊ซโซฮอล์ 95 ลิตรละ 1 บาท จนถึง 31 ม.ค.ปีหน้า
หรือแม้แต่ การลดค่าไฟฟ้าสายสีแดงกับสายสีม่วง เหลือ 20 บาท ที่กำลังจะหมดอายุในสิ้นเดือนพ.ย.นี้ หลังจากถูกไล่บี้ ไล่ทวงถามจากการที่ “เจ้ากระทรวง” หลุดปากว่า “ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน” สุดท้ายก็ต้องทำคลอดมาตรการระยะสั้นออกมา รักษาสัญญากันไปก่อน
เช่นเดียวกับ การให้เวลาชาวบ้านหายใจหายคอเพิ่มขึ้นอีก 3 เดือนของกระทรวงมหาดไทย กรณีที่ ค้างค่าน้ำ-ค่าไฟ แล้วต้องถูกตัดหม้อไฟ-ตัดมิเตอร์น้ำ ทันที จากนี้ไปก็จะมีเวลาไปทำมาหากินอีก 3 เดือนเพื่อหาเงินมาจ่าย แต่ต้องเป็นบ้านที่ใช้ไฟฟ้า ไม่เกิน 300 บาท ใช้น้ำไม่เกิน 450 บาทต่อเดือน
ไม่เพียงเท่านี้ รัฐบาลยังแบกหน้าดึง น้ำตาลทราย กลับมาเป็น หนึ่งในสินค้าควบคุม แม้ว่าจะมีความเสี่ยงกับข้อตกลงกับประเทศอื่นก็ตาม หลังราคาน้ำตาลในตลาดโลกพุ่งสุงขึ้น จนทำให้ราคาน้ำตาลในประเทศเพิ่มสูงตามไปด้วย
ด้วยความหวังจะแก้ปัญหา แต่กลายเป็นว่า เวลานี้ ผลกระทบคือชาวบ้านควานหาซื้อน้ำตาลทรายกันได้ยากเหลือเกิน เดือดร้อนบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ที่ทำขนมขายกันเป็นแถว
ขณะที่ มาตรการวีซ่า-ฟรี เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวในหลายประเทศ ดูเหมือนจะเสร็จสมอารมณ์หมายได้ แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามคาดหวังมากนัก
เอาเป็นว่า… เพิ่งผ่านมาแค่ 2 เดือนเอง แต่นายกฯเศรษฐา ก็ทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย แม้ผลงานดูจะไม่ถูกอกถูกใจชาวบ้านเท่าไหร่นักก็ตาม
อย่างที่บอกปัญหาทั้งหลายทั้งปวง อยู่ที่ “เงินงบประมาณ” นั่นแหล่ะ ซึ่งไม่ใช่มีนโยบายอยู่แค่นี้ เพราะตลอด 4 ปี ที่พรรคเพื่อไทยแจ้งไว้ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีรวมเบ็ดเสร็จก็ราวๆ 70 นโยบาย วงเงินก็กว่า 3 ล้านล้านบาทเอง!!
ก็ต้องรอดูรอชมกันต่อไป ว่าการผ่าทางตัน!! จะสัมฤทธิ์ผลแค่ไหน?
……………
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo
สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)