วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“ศิริกัญญา”เชื่อออกพ.ร.บ.เงินกู้เป็นกับดักของรัฐบาล ให้นักร้องออกมาคัดค้าน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ศิริกัญญา”เชื่อออกพ.ร.บ.เงินกู้เป็นกับดักของรัฐบาล ให้นักร้องออกมาคัดค้าน

“ศิริกัญญา” สวน “ภูมิธรรม” ิอย่าบิดเบือนรับคุยนำงบฯมาแจกดิจิตอล ชี้พรบ.เงินกู้ขัดรธน.หรือไม่ เชื่อนักร้องดาหน้าออกมาเป็นกับดักรัฐบาล หวั่นส่งศาลรธน.เลื่อนยาว ยัน “เศรษฐา ทำเพราะต้องการสัญญากับปชช.

วันที่ 13 พ.ย.2566 ที่พรรคก้าวไกล น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ อ้างว่าตนเคยเห็นด้วยกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า การเห็นด้วยก็มีหลายระดับ และเวลานี้นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตได้เปลี่ยนรายละเอียดมาไกล จากที่จะใช้เงินในงบประมาณ มาเป็นออก พ.ร.บ.กู้เงิน จากแจกให้ถ้วนหน้า กลายเป็นจำกัดคนมีรายได้สูง ยอมรับว่า เคยมีการพูดคุยเรื่องนี้กันจริง เนื่องจากเมื่อครั้งเป็นพรรคที่จะร่วมรัฐบาลกัน เคยวางแผนสำหรับงบประมาณปี 2566 แต่เงินที่มีไม่พอที่จะทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หากแบ่งออกไปแล้วจะเหลืองบประมาณเพียงพรรคการเมืองละ 4-5 แสนล้านบาท ในเมื่อไม่สามารถนำงบประมาณไปใช้ได้ทั้งก้อน จึงต้องปรับลดงบประมาณลง ก็เป็นเรื่องที่ตรงไปตรงมา จึงขอให้อย่าบิดประเด็นไปมากกว่านี้

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า จนถึงตอนนี้รัฐบาลยังไม่มีคำตอบใดๆ ออกมาว่าเหตุใดจึงยังเดินหน้าโครงการต่อ ในเมื่อการออก พ.ร.บ.เงินกู้ อาจขัดต่อพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ทำไมทางพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจึงคิดทำต่อ ทุกวันนี้ยังไม่ได้รับเหตุผลใดๆ กลับมา เพียงมีการขุดอดีตไล่ความชอบธรรมว่าตนเองเคยเห็นด้วย ทุกครั้งที่ออกมาแสดงความเห็นเรื่องนี้ ไม่เคยพูดคัดค้านแม้แต่ครั้งเดียว เพียงแต่ถามว่างบประมาณมาจากไหน ยังไม่เริ่มคัดค้านจริงๆ จังๆ เลยสักครั้ง ขอให้รัฐบาลช่วยตอบให้ตรงประเด็นว่าจะไม่ผิดกฎหมายได้อย่างไร เพียงเปิดความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยรายงานการประชุมทั้งในชั้นคณะอนุกรรมการ และคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ออกมา ว่าไม่ผิดกฎหมายอย่างไรก็จบแล้ว ตนเองก็จะเป็นคนหน้าแตกไปแล้ว

เมื่อถามว่า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ยืนยันว่ากระบวนการถูกต้อง เพราะการออก พ.ร.บ.ต้องเข้าสภา น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ต้องตรวจสอบก่อนว่าถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร มีอีกหลายฉบับที่ต้องพิจารณา เราคาดหวังว่า วันที่ประกาศต่อประชาชนว่าจะออก พ.ร.บ.เงินกู้ นั้นได้ปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว ทุกฝ่ายเห็นร่วมกันว่าทำได้ ซึ่งหากไม่ผิดกฎหมายก็จะไม่มีช่องให้นักร้องไปร้องเรียนได้ แต่การพูดลอยๆ แบบนี้สุดท้ายต้องมากลับคำกันอีก ทำให้เสียความเชื่อมั่นต่อประชาชน

เมื่อถามว่า มีนักร้องเริ่มไปร้องเรียนผู้ตรวจการแผ่นดินและสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นไปตามเกมของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ตนเองได้แต่ดักคอ เพราะเราไม่อยากให้มาถึงวันนี้ นักร้องไม่สมควรเข้ามามีส่วนร่วมกับการกำหนดนโยบายของรัฐบาล พอสบช่องให้ร้องแบบนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญรับฟ้องจะทำให้ล่าช้าออกไปอีก มองว่าเป็นกับดักที่รัฐบาลคิดเอาไว้แล้วหรือไม่ ตนตั้งข้อสงสัยว่าข้าราชการกระทรวงการคลังไม่มีใครท้วงติงรัฐบาลเลยหรือ จะถือว่าทำผิดกฎหมายกันหมด หากนโยบายนี้ผ่านเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา และใช้กลไกเสียงข้างมากให้ผ่านความเห็นชอบไปได้ ถ้าก้าวไกลก็คงต้องยอมรับความจริง แต่ขั้นต่อไปจะทำให้มีปัญหาเรื่องการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี

“นายกฯพูดว่าจะชดใช้เงินกู้ให้หมดภายใน 4 ปี ปีแรกมาแล้วแสนกว่าล้านบาท ดอกเบี้ยอีกหมื่นล้านแน่นอน ในการพิจารณางบประมาณปี 2568 ดิฉันคิดว่าการใช้คืนหนี้สูงมาก มีทั้งดอกเบี้ยเดิมและดอกเบี้ยใหม่ ภาษีที่รัฐบาลจัดเก็บได้ 20% ก็ต้องไปใช้หนี้ ทำให้จัดงบประมาณปี 2568 ได้ยากลำบาก รวมถึงรายได้ที่คิดว่าจะมาจากดิจิทัลวอลเลตก็จะไม่ทัน ประชาชนเดือดร้อนแน่ๆ” น.ส.ศิริกัญญา กล่าวและว่า หากเทียบกับ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ในสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าผิดกฎหมาย รัฐบาลปัจจุบันจึงไม่สามารถอ้างว่าไม่รู้ เพราะคำวินิจฉัยของศาลปี 2557 ก็เป็นกรณีแบบเดียวกัน ที่ผ่านมายังไม่มีการถกเถียงกันเลยว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนอย่างไร นายกรัฐมนตรีก็เพียงยกตัวเลข GDP ย้อนหลัง 10 ปี ขึ้นมาระบุว่าเป็นปัญหาเรื้อรังเชิงโครงสร้าง ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยมาตรการระยะสั้น

“เรายังรออยู่ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ มีแต่บอกว่ารักประชาชน บริสุทธิ์ใจ มุ่งมั่น หรืออ้างว่าดิฉันเคยเห็นด้วย ทั้งหมดนี้ไม่ได้ช่วยอธิบายใดๆ ว่าการออกร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน ถูกกฎหมายอย่างไร”น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

เมื่อถามว่า หากไม่ผิดกฎหมาย เห็นด้วยหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า หากไม่ผิดกฎหมาย การกู้เงินในระดับนี้มีปัญหาแน่ๆ เพราะหนี้สาธารณะแน่นอนว่ายังไม่ถึงกรอบที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เคย ขยายไว้ที่ 70% ของ GDP แต่ที่ไม่รอดแน่คือภาระดอกเบี้ยต่องบประมาณ แต่เป็นสิ่งที่สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะสถาบันจัดอันดับเครดิตเรตติ้ง ที่จะจัดอันดับ เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะต้องชี้แจง งบประมาณ ปีแรกจะต้องจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยซึ่งเกิน 10% ของงบประมาณแผ่นดินและถ้าสุดท้ายพ.ร.บ. นี้ ผ่านสภาและบังคับใช้ได้จริงและดิจิทัลวอลเล็ต เกิดขึ้นจริง

“ที่รัฐบาลพยายามบอกว่าประเทศกำลังมีวิกฤตนั้นเห็นว่า เป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นในระยะยาว เป็นปัญหาเรื้อรัง ซึ่งไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในการแก้ไขปัญหาด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้เลย นโยบายนี้ถูกคิดขึ้นมาตั้งแต่ มี.ค. เม.ย. ปีนี้จะถูกนำไปใช้จริงปีหน้า สรุปแล้ววิกฤตเกิดขึ้นตอนไหนกันแน่ แล้วเร่งด่วนถึงขั้นที่เราได้ 1 ปีเร่งด่วนหรือไม่ ดังนั้นการเลือกใช้โดยการออกร่าง พ.ร.บ. ยิ่งต้องใช้เวลาในสภา จึงถามว่าความจำเป็นเร่งด่วนอยู่ตรงไหน และขออย่าปล่อยให้รัฐบาลบิดเบือน” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

เมื่อถามว่า รัฐบาลมองว่า GDP ไม่โตตามเป้านั้น น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ก็ต้องดูว่า GDP ได้ตามศักยภาพที่ไปได้หรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่า แม้ GDP เราโตช้าแต่เราไม่สามารถกระตุ้นได้ด้วยการ กระตุ้นเศรษฐกิจใน ระยะสั้นเลยควรต้องระบุ ในทางพื้นที่หรือไม่ว่าพื้นที่ไหนควรจะต้องใช้วิธีการกระตุ้นเป็นกรณีพิเศษ อย่างฮ่องกงปี 2565 เศรษฐกิจของฮ่องกงยังโตติดลบอยู่จึงต้องมีการแจกเงิน ซึ่งก็เหมือนของเราตอนโควิดและแจกเงินเยียวยาประชาชน แต่วันนี้เศรษฐกิจโตขึ้น ยังไม่ใช่เวลาของการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแน่นอน ดังนั้น ยังรอคำตอบเพราะรัฐบาลไม่เคยนำตัวเลขออกมาให้เราดูชัดๆ ต้องขอร้องว่าอย่าใช้ความรู้สึกในการบริหารประเทศต้องใช้ตัวเลขข้อมูลข้อเท็จจริง ในการบริหารประเทศว่าสรุปแล้วปัญหาคืออะไร ที่บอกว่าเกิดวิกฤตหนักสาหัสขอดูตัวเลขหน่อย ว่ากำลังพูดถึงตัวเลขไหนจะได้คลายกังวลว่าใช้เครื่องมือที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหาประเทศ

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี ต้องการเอาชนะหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของการเอาชนะ แต่น่าจะเป็นการรักษาคำพูด ซึ่งน่าจะเป็นจุดอ่อนจุดหนึ่งเหมือนกัน หลังจากที่ไม่ได้รักษาคำพูดมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนร่วมรัฐบาล และตั้งรัฐบาลมา จึงจำเป็นต้องฟื้นความเชื่อมั่นว่าต้องทำตามที่พูดที่ได้หาเสียงไว้ได้ ซึ่งเป็นบททดสอบที่สำคัญก็อาจจะแพ้ไม่ได้เช่นเดียวกัน จึงเป็นปัญหาหนักใจเพราะตอนคิดโครงการ คิดมาไม่ถี่ถ้วน โดยตอนคิดยังบอกว่าใช้เงินจากงบประมาณ ซึ่งเห็นว่าไม่มีทางเป็นไปได้ และพอหลังพิงฝาแล้วไม่มีทางออก จึงคิดเป็นอื่นไม่ได้ว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหาทางลง

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img