นักเศรษฐศาสตร์วิตกสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทยมากกว่าเวียดนาม-อินโดนีเซียสร้างแรงกดดันให้ไทยสูญเสียฐานการผลิตเพื่อส่งออกอาจย้ายฐานการลงทุนไปประเทศคู่แข่ง
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ถ้าสหรัฐฯเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทยมากกว่าเวียดนามและอินโดนีเซีย จะส่งผลต่อการส่งออก และการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) โดยเฉพาะธุรกิจในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ชิ้นส่วน หรือแม้แต่รถยนต์อีวีจากจีน ที่กำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ดังนั้นนักลงทุนเหล่านี้ อาจหันไปหาประเทศที่มีต้นทุนภาษีต่ำกว่าไทยได้
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่าแม้สถานการณ์จะกดดัน แต่มองว่าไทยไม่จำเป็นต้องเดินตามรอยเวียดนามและอินโดนีเซียทุกอย่าง เพราะบริบทของแต่ละประเทศต่างกัน โดยเฉพาะภาคเกษตรของไทยที่เปราะบางกว่า และไทยมีโครงสร้างเศรษฐกิจที่ซับซ้อนกว่า การลดภาษีจึงต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับหลายภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเกษตรและเอสเอ็มอี ที่ยังต้องพึ่งพามาตรการคุ้มครอง ดังนั้นมองว่าไทยอาจจะไม่ต้องลดเท่ากับเวียดนามหรืออินโดฯ แต่ต้องต่ำกว่าระดับ 36% ให้ได้ และหากอยู่ที่ระดับ 25-30% ก็ถือว่าเป็นไปได้สูง และยังพอแข่งขันได้
นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนมีความกังวลว่าไทยอาจถูกสหรัฐฯ บีบให้ลดภาษีเหลือ 0% เพราะผลเจรจาของเวียดนามและอินโดนีเซียที่ยอมลดภาษีนำเข้าสินค้าให้สหรัฐฯเหลือ 0% เพราะในปี 67 ไทยได้ดุลการค้าสหรัฐฯ 45,000 ล้านดอลลาร์ มากกว่าอินโดนีเซีย 2.5 เท่า แต่ยังสงสัยว่าทำไมอินโดนีเซียถึงยอมลดภาษีให้สหรัฐฯหมด
นอกจากนี้ อินโดนีเซียพึ่งพิงตลาดสหรัฐน้อยกว่าเวียดนามที่พึ่งพาตลาดส่งออกสหรัฐมากกว่า 30% ขณะที่ไทยพึ่งพิงตลาดสหรัฐ 18% ของการส่งออกไทยทั้งหมด
ซึ่งเห็นว่ารัฐควรยอมลดภาษีให้สหรัฐฯ 0% บางรายการ เช่น ผลิตภัณฑ์ยา เพราะสหรัฐฯมีความสามารถผลิตยามีคุณภาพ ส่วนกลุ่มสินค้าที่ไม่ควรลดภาษีนำเข้าเป็น 0% คือกลุ่มเคมีภัณฑ์ที่ลงทุนสูงและอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรม
ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ไทยควรเจรจาให้จบพร้อมกับมีมาตรการบรรเทาผลกระทบและมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบและมาตรการรองรับการปรับตัวในอนาคต โดยทุกฝ่ายต้องรวมกันทำงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่ง ธปท.ได้หารือทุกภาคส่วนต่อเนื่อง
ส่วนข้อเรียกร้อง ในเรื่องดอกเบี้ยและค่าเงินเป็นสิ่งที่ ธปท.มีการให้ข้อหารือและชี้แจ้งไปก่อนหน้านี้ในการประชุม กนง. ทั้งเรื่องนโยบายการเงิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดอกเบี้ยและเรื่องอื่น ๆ
สำหรับผลกระทบมีทั้งการค้าและการลงทุน 3 กลุ่มคือ ผู้ส่งออกไปสหรัฐฯ ส่วนนี้ขึ้นกับการเจรจาอัตราภาษีทรัมป์เป็นหลัก แต่ส่วนที่เป็นห่วงมาตลอด คือสินค้าประเทศอื่นที่ทะลักเข้าในไทย เพราะไม่สามารถส่งไปที่สหรัฐฯได้ กลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบ เช่น เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับเอสเอ็มอีมากที่ยังเปราะบางสูงเมื่อเทียบบริษัทขนาดใหญ่ที่ส่งออกไปสหรัฐฯ.



















