นายกฯ เยี่ยมชมศูนย์จำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ เตรียมกำหนด KPI ดึงนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเพิ่มขึ้น จากนี้อีก 2 ปี ต้องมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 1.5 ล้านคน ย้ำรัฐบาลนี้จะไม่ทอดทิ้งประชาชน จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 30 พ.ย.ณ ศูนย์จำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ ได้เดินทางมาติดตามความก้าวหน้าของโครงการสำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ อาทิ 1) โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองลับแล เมืองมหัศจรรย์ของผลไม้ เมืองงาม 3 วัฒนธรรม บ้านเกิดพระยาพิชัยดาบหัก จ.อุตรดิตถ์ 2) การจัดที่ดินและระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการตามโครงการของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) จ.อุตรคิตถ์ 3) โครงการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมรายได้ของประขาน (Soft Power of Uttaradit) จ.อุตรดิตถ์ และพบปะประชาชน โดยมีนายนพฤทธิ์ ศิริโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ส่วนราชการ และประชาชนมารอให้การต้อนรับ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า
นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความรู้สึกดีใจ ที่ได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนประชาชนชาวอุตรดิตถ์ ซึ่งจังหวัดอุตรดิตถ์ถือเป็นจังหวัดที่มีต้นทุนและศักยภาพสูงในการที่จะขับเคลื่อน Soft Power โดยใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีอยู่อย่างหลากหลาย รวมถึงอาหาร ผลไม้ ภาษา กีฬา ศิลปวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ อย่างไรก็ตาม แม้จังหวัดอุตรดิตถ์จะมีศักยภาพอยู่มากแต่ยังขาดการเอาใจใส่จากรัฐบาล โดยเห็นได้จากการรายงานจากวีดิทัศน์ที่ระบุจังหวัดอุตรดิตถ์มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวเป็นอันดับที่ 60 ของประเทศ จากทั้งหมด 77 จังหวัด ซึ่งดูแล้วเกือบอยู่ในอันดับล่างสุด ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพและมีเรื่องราวที่น่าสนใจที่จะมาท่องเที่ยวมาก
นอกจากนี้ ระหว่างที่ได้รับประทานอาหารกลางวันร่วมกับภาคเอกชนและได้มีการพูดคุยกันทำให้ได้รับทราบว่าจังหวัดอุตรดิตถ์ ยังไม่มีที่ทำการของการท่องเที่ยว ซึ่งหากไม่มีตรงนี้จะสามารถดึงศักยภาพที่มีอยู่ออกมาได้อย่างไร จึงได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแล้วให้มาตั้งสำนักงานอยู่ที่นี่ เพื่อโปรโมทสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวในพื้นที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีไปถึงธุรกิจที่พักและโรงแรมต่าง ๆ ที่จะทำให้มีการจองที่พักจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่งจากตัวเลขที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดอุตรดิตถ์ 700,000 คนต่อปี ยังถือว่ายังต่ำมากเพียง 2 เปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งจากนี้จะมีการประชุมกับทาง ททท. กำหนดตัวชี้วัด KPI จากนี้อีก 2 ปี ต้องมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 1.5 ล้านคนหรือเท่าหนึ่ง
ทั้งนี้ การที่จะดำเนินการตรงนี้ได้ สำนักงาน ททท. ต้องมีส่วนผลักดัน รวมถึงคณะกรรมการยุทธศาสตร์ Soft Power แห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ จะช่วยกันผลักดันดึงศักยภาพตรงนี้ออกมาให้หมด เช่น มวยไทย โดยนายกรัฐมนตรีเพิ่งจะทราบว่าที่นี่มี “มวยไทยท่าเสา” ซึ่งมวยไทยถือเป็นศิลปะการต่อสู้ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมไปทั่วโลก เช่น ที่ประเทศอังกฤษมีค่ายมวยไทยถึง 6,000 ค่าย เพราะฉะนั้นตรงนี้จึงถือเป็น Soft Power ที่สำคัญที่จะต้องมีการผลักดัน โดยเชื่อมั่นว่าจากศักยภาพที่จังหวัดอุตรดิตถ์มีนั้นจะทำให้นักท่องเที่ยวอยากที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่มากขึ้น รวมถึงไปถึงศักยภาพเรื่องของผลไม้ต่าง ๆ ทั้งลางสาด มะไฟ มะฟ้า และพืชเศรษฐกิจที่สำคัญคือทุเรียนที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งจากคนไทยและคนจีน ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนได้อย่างมาก
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงการได้ไปพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการยกระดับด่านศุลกากรที่จะสามารถส่งสินค้าไปขายที่ประเทศจีนได้ผ่านประเทศลาว ซึ่งหากมีด่านศุลกากรก็จะทำให้การค้าขายของประชาชนดีขึ้น รวมถึงยกระดับผลไม้ต่าง ๆ ที่จะสามารถส่งไปขายยังประเทศจีนได้ รวมทั้งการทำให้ทุเรียนเป็นพืชเศรษฐกิจในบทบัญญัติ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ และถ้าทำให้เป็นพืชเศรษฐกิจได้ก็จะทำในเรื่องของการปลูกป่าได้ด้วย อีกทั้งจะมีการดูแลในเรื่องที่ดินทำกินโดยการแจกโฉนด เพื่อไม่ให้ประชาชนไปพึ่งเงินนอกระบบที่จะทำให้เกิดปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นปัญหาที่กัดกร่อนสังคมไทยมาอย่างยาวนาน โดยรัฐบาลได้ประกาศไปแล้วที่จะทำให้หนี้นอกระบบหมดไป
นายกรัฐมนตรีย้ำถึงเรื่องการขับเคลื่อน Soft Power ด้วยสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) โดยเฉพาะทอผ้าต่าง ๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่ประชาชนได้ทำขึ้นมานั้น ต้องมีสถานที่หรือโชว์รูม รองรับสำหรับการนำสินค้าผลิตภัณฑ์มาแสดงและจัดจำหน่าย เพื่อที่จะให้นักท่องเที่ยวหรือห้างร้านต่างประเทศได้มาสั่งซื้อได้สะดวก ซึ่งรัฐบาลตระหนักและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยจะมีการจัดสถานที่เป็นดีพาร์ทเม้นท์สโตร์สำหรับสินค้าผลิตภัณฑ์ OTOP ที่สถานีกลางบางซื่อ (กรุงเทพอภิวัฒน์) ไว้ให้กับประชาชนเพื่อนำผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ต่าง ๆ มาแสดงและจัดจำหน่ายซึ่งคาดว่าจะทำให้มีการจำหน่ายได้มากขึ้น ตรงนี้เป็นแผนงานที่รัฐบาลพยายามที่จะส่งเสริมให้ประชาชนชาวอุตรดิตถ์ทุกคนมีชีวิตความเป็นอยู่และรายได้ที่สูงขึ้น วันนี้ดีใจที่ได้มาเห็นศักยภาพของจังหวัดอุตรดิตถ์และขอให้ประชาชนชาวจังหวัดอุตรดิตถ์อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ รัฐบาลนี้จะไม่ทอดทิ้งประชาชนและจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น
อนึ่ง ก่อนการเดินทางไป อ.ลับแล นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับการดำเนินชีวิต การทำงาน รวมถึงขอพรต่าง ๆ เนื่องจากเป็นอนุสาวรีย์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ชาวอุตรดิตถ์เคารพนับถืออย่างมาก