วันจันทร์, พฤศจิกายน 25, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“อาเซียน”รั้งอันดับหนึ่งใช้สิทธิ FTA “3ไตรมาส”ทะลุ6.2หมื่นล้านเหรียญ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“อาเซียน”รั้งอันดับหนึ่งใช้สิทธิ FTA “3ไตรมาส”ทะลุ6.2หมื่นล้านเหรียญ

“กรมการค้าต่างประเทศ” เผยตัวเลขการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลง FTA ในช่วง 3 ไตรมาสของปี 2566 ทะลุ 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดอาเซียนแชมป์ รองลงมาเป็นอาเซียน-จีน ไทย-ญี่ปุ่น ไทย-ออสเตรเลีย และอาเซียน-อินเดีย

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยตัวเลขการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในช่วง 3 ไตรมาสของปี 2566 (มกราคม – กันยายน)ว่า มีมูลค่ารวม 62,190.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ 82.89% โดย FTA ที่ไทยใช้สิทธิฯ ส่งออกสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง คือ ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) มีมูลค่า 22,471.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 36.13% ของมูลค่าการใช้สิทธิ์ทั้งหมด และมีสัดส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ส่งออกไปอินโดนีเซียสูงสุดมูลค่า 5,477.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อันดับที่สองเป็นมาเลเซีย มูลค่า 5,314.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เวียดนาม มูลค่า 5,180.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และฟิลิปปินส์ มูลค่า 4,055.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ สำหรับสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ยานยนต์สำหรับขนส่งของ น้ำตาลที่ได้จากอ้อย น้ำมันปิโตรเลียม และน้ำมันจากแร่บิทูมินัส รถยนต์สำหรับขนส่งบุคคลขนาดเล็ก และเครื่องปรับอากาศแบบติดหน้าต่างหรือติดผนัง

นอกจากความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียนแล้วไทยยังมี FTA อื่นที่มีการใช้สิทธิประโยชน์สูงรองลงมา ได้แก่ อันดับ 2 ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) คิดเป็นมูลค่า 18,762.53 ล้านดอลลาร์สหรัฐและมีสัดส่วนการใช้สิทธิประโยชน์เป็น 94.34% ของมูลค่าการส่งออกของสินค้าที่ได้รับสิทธิ์ โดยสินค้าทุเรียนสดยังคงเป็นสินค้าที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์สูงที่สุด อันดับ 3 เป็นความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) คิดเป็นมูลค่า มูลค่า 5,193.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ 76.93% ของมูลค่าการส่งออกของสินค้าที่ได้รับสิทธิ์

โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์สูงที่สุดภายใต้ความตกลงฯ ยังคงเป็นอาหารแปรรูป อาทิ เนื้อไก่และเครื่องในไก่ปรุงแต่ง มาที่อันดับ 4 ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) คิดเป็นมูลค่า 4,642.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ 63.04% ของมูลค่าการส่งออกของสินค้าที่ได้รับสิทธิ์ โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์สูงอย่างต่อเนื่องคือ รถยนต์และยานยนต์ที่มีเครื่องดีเซลหรือกึ่งดีเซล และความตกลงการค้าที่มูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์เป็นอันดับ 5 คือ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) คิดเป็นมูลค่า 4,117.24 ล้านดอลลาร์สหรัฐและมีสัดส่วนการใช้สิทธิประโยชน์ 69.20% ของมูลค่าการส่งออกของสินค้าที่ได้รับสิทธิ์ โดยมีลวดทองแดงเป็นสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิประโยชน์สูงที่สุดภายใต้ความตกลงดังกล่าว

กรมการค้าต่างประเทศมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยได้ติดอาวุธสำหรับการแข่งขันด้วยการสร้างแต้มต่อทางการค้า ผ่านการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA โดยกรมการค้าต่างประเทศมีโครงการจัดการสัมมนาเพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการไทยเกี่ยวกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้ามาโดยตลอด และในปีงบประมาณ 2567 มีแผนจัดการสัมมนาภายใต้โครงการส่งเสริม SME ให้แข่งขันได้ในตลาดสากล เรื่องยกระดับการค้าสู่สากลด้วยสิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA รวมทั้งสิ้น 4 ครั้ง ตามจังหวัดสำคัญต่าง ๆ

โดยการสัมมนาของกรมการค้าต่างประเทศจะมุ่งเน้นการให้ข้อมูลที่ผู้ประกอบการต้องรู้หากต้องการใช้ประโยชน์จาก FTA โดยเฉพาะเรื่องกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า และขั้นตอนการขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าผ่านระบบการให้บริการด้วยนวัตกรรมดิจิทัลของกรมการค้าต่างประเทศ นอกจากนี้ ได้เปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ประกอบการไทยที่ได้ใช้ประโยชน์จาก FTA เพื่อสร้างแต้มต่อในการส่งออก

รวมทั้งรับฟังปัญหาและอุปสรรคในการแข่งขันทางการค้าจากผู้ประกอบการไทย รวมถึงการจัด Workshop ให้ผู้ประกอบการได้ทดลองใช้ระบบตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้าแบบไร้กระดาษ (ROVERs PLUS) เสมือนจริงซึ่งกรมการค้าต่างประเทศจะมีการจัดสัมมนาเพื่อส่งเสริม SME เป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งปีหน้านี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนกลยุทธ์การใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ FTA ตามสถานการณ์ทางการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img